แม้วชมปูคิดเก่งปาหี่ขี้หมูไหล!!โวถกเวียดนามห้ามกดราคาข้าว
หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ข่าวการเมือง แม้วชมปูคิดเก่งปาหี่ขี้หมูไหล!!โวถกเวียดนามห้ามกดราคาข้าว
11 ส.ค.56 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษชายที่หลบหนีหลังศาลอ่านคำพิพากษาจำคุก 2 ปีคดีที่ดินรัชดาฯ
โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Thaksin Shinawatra แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการจัดตั้งสภาปฏิรูปการเมืองตามแนวคิดของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยเห็นว่าเป็นเรื่องดีที่ได้เชิญชวนทุกฝ่ายมาหันหน้าเข้าหากัน ออกแบบกติกาการอยู่ร่วมกันใหม่ หรือสร้าง Modern Social Contract Theory ใหม่ เพื่อเกิดรัฐธรรมนูญในระบอบประชาธิปไตย
นักโทษชาย “ทักษิณ” โพสต์ว่า ปัญหาของประเทสไทยที่ไม่สามารถแสดงศักยภาพสูงสุดในภูมิภาคเนื่องจากปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองภายในประเทศ กับปัญหาเรื่ององค์กรอิสระที่สร้างขึ้นมาจากความไม่เป็นประชาธิปไตย เลยเกิดบนพื้นฐานของความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจกัน หาเรื่องกัน แกล้งกัน ทำให้การพัฒนาประเทศช้าและทำแทบจะไม่ได้ สิ่งที่ตามมาคือ เกิดวัฒนธรรมใหม่ในหมู่ข้าราชการและรัฐวิสาหกิจ ที่อยู่ไปวันๆ หนึ่ง ทำให้ประเทศขาดความก้าวหน้า ขาดแรงกระตุ้นในการพัฒนาที่รองรับเศรษฐกิจและการแข่งขัน ไม่ทันโลก
การมาเวียดนามครั้งนี้ ก็มาขอความมือไม่ให้มีการกดราคาข้าวในตลาดโลก เพราะว่าถ้าข้าวมีการขึ้นราคาไปได้อีก 100 USD ต่อ 1 ตัน เวียดนามก็ได้เงินเพิ่มขึ้นอีก 700 ล้านดอลลาร์ ซึ่งมีความหมายสำหรับเกษตรกร ซึ่งเขาเห็นด้วยและพร้อมร่วมมือ เอาเป็นว่าต้องช่วยกัน รับผิดชอบชื่อเสียงประเทศให้มากๆ จะเล่นการเมืองอะไรกัน จะอิจฉากัน จะหมั่นไส้กันก็ให้อยู่ในขอบเขตที่ไม่ทำให้ชื่อเสียงประเทศเสียหายเป็นดีที่สุด
ข้อความที่พ.ต.ท.ทักษิณโพสต์ลงเฟซบุ๊ค
ตอนนี้ผมอยู่ระหว่างเดินทางกลับจากเวียดนาม ก็เลยอยากจะคุยให้พี่น้องฟังเรื่องของเวียดนามครับ
ผมไปฮานอย หลังจากไม่ได้ไปมาเกือบ 10 ปี เห็นกำลังขยายถนน สะพาน สนามบินอยู่ แต่มองสภาพทั่วๆไปแล้วก็ยังเหมือนกรุงเทพเมื่อ 25 ปีที่แล้ว ดูเจริญขึ้น แต่ก็ไม่เร็วมากนัก เพราะประชากรมาก มีสงครามหลายปี
ในช่วงที่มีการเปิดประเทศใหม่ๆ ก็มีนักลงทุนแห่กันไป แต่ตอนนี้กลัวๆ กัน เพราะมีการลดค่าเงินดองถึง 3 ครั้งใกล้ๆกัน กว่าจะสร้างความน่าเชื่อถือให้เกิดขึ้นคงต้องใช้เวลาอีกสัก 10 ปี
ก็เป็นอุทธาหรณ์ครับว่า ความน่าเชื่อถือ ถ้าหายไปแล้วได้ต้องใช้เวลามากที่จะเรียกกลับคืน
ผมไปทั่วทุกประเทศในอาเซียน ผมบอกตรงๆว่า ศักยภาพไทยสูงที่สุด แต่วันนี้เรามีปัญหาตรง 2 อย่างครับคือ
1. ความขัดแย้ง ความอิจฉาเกลียดชังกันเอง ทำให้ขาดพลังในการสร้างความเจริญและแข่งขันกับโลกได้ และ
2. การมีองค์กรอิสระที่สร้างขึ้นจากจุดเริ่มต้นที่ไม่เป็นประชาธิปไตย เกิดขึ้นเพราะจำเป็นต้องให้เกิด เลยเกิดบนพื้นฐานของความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจกัน หาเรื่องกัน แกล้งกัน ทำให้การพัฒนาประเทศช้าและทำแทบจะไม่ได้
สิ่งที่ตามมาคือ เกิดวัฒนธรรมใหม่ในหมู่ข้าราชการและรัฐวิสาหกิจ นั่นคือวัฒนธรรมที่ไม่ทำก็ไม่ผิด เพราะฉะนั้นจึงอยู่ไปวันๆ หนึ่ง ทำให้ประเทศขาดความก้าวหน้า ขาดแรงกระตุ้นในการพัฒนาที่รองรับเศรษฐกิจและการแข่งขัน ไม่ทันโลก
เพราะฉะนั้น การที่ท่านนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ได้เชิญชวนทุกฝ่ายมาหันหน้าเข้าหากัน ออกแบบกติกาการอยู่ร่วมกันใหม่ หรือสร้าง Modern Social Contract Theory ใหม่ เพื่อเกิดรัฐธรรมนูญในระบอบประชาธิปไตย ที่ไม่ใช่ Winner take all และเป็นการ inclusive มากกว่าการแบ่งฝ่าย ประเทศน่าจะพัฒนาได้เร็ว คนจนจะได้หมดจากแผ่นดินไทย ยกเว้นพวกสบายแล้ว ไม่อยากเห็นคนจนหายจนเท่านั้น พวกเขาคนจน กำลังนั่งรอเมตตาธรรมจากท่านที่เรียกว่า ท่านผู้เจริญแล้ว ท่านผู้สบายแล้วอยู่ครับ
อีกเรื่องหนึ่งที่อยากพูดถึงก็คือ การมาเวียดนามครั้งนี้ ก็มาขอความมือไม่ให้มีการกดราคาข้าวในตลาดโลก เพราะว่าถ้าข้าวมีการขึ้นราคาไปได้อีก 100 USD ต่อ 1 ตัน เวียดนามก็ได้เงินเพิ่มขึ้นอีก 700 ล้านดอลลาร์ ซึ่งมีความหมายสำหรับเกษตรกร ซึ่งเขาเห็นด้วยและพร้อมร่วมมือ
ที่สำคัญคือ ผมตอนเดินทางมาผมก็กินข้าวไทยในเครื่องบินเสร็จ มาถึงเวียดนาม ก็มากินข้าวเวียดนาม รู้สึกเลยครับว่าข้าวไทยอร่อยกว่ามาก
วันก่อนที่ผมโพสต์เล่าเรื่องตลาดข้าวอิรัก ผมได้คุยกับผู้บริหารอิรัก เขาบอกผมว่า ข้าวไทยอร่อยที่สุด ขายแพงหน่อยก็ได้ ไม่ต้องลดราคาลงมาแข่งคนอื่น เพียงแต่ควรควบคุมคุณภาพในการส่งออกหน่อย
ผมฟังวันนั้นก็ยังไม่ตื่นเต้นอะไร เพราะไม่เคยเปรียบเทียบข้าวไทยกับข้าวประเทศอื่น เที่ยวนี้ได้ลองชัดๆ เลยต้องยอมว่าข้าวเราอร่อยจริงๆ
ก็เอาเป็นว่าต้องช่วยกัน รับผิดชอบชื่อเสียงประเทศให้มากๆ จะเล่นการเมืองอะไรกัน จะอิจฉากัน จะหมั่นไส้กันก็ให้อยู่ในขอบเขตที่ไม่ทำให้ชื่อเสียงประเทศเสียหายเป็นดีที่สุดครับ