11 ส.ค.56 นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงกรณีที่นายพงษ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรีและนายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ เดินสายเชิญบุคคลต่างๆ ร่วมเวทีปฏิรูปการเมือง ว่า ถือเป็นทีมละครทางการเมือง เพื่อลดกระแสร่าง พรบ.นิรโทษกรรรม สำหรับคนที่ถูกทาบทามก็ต้องระวังว่ากำลังตกเป็นเครื่องมือของรัฐบาลที่กำลังออกกฎหมายล้างผิดให้คนที่ฆ่า เผาบ้านเผาเมือง และคนที่หมิ่นสถาบัน สำหรับผู้หลักผู้ใหญ่ที่เกาะกระแสเข้าร่วมเวทีกดังกล่าวก็ขอให้ระลึกว่ากำลังเป็นคนในประวัติศาสตร์ที่กำลังผลักดันกฎหมายนี้ทางอ้อม ซึ่งการปฏิรูปที่แท้จริงรัฐบาลควรรับข้อเสนอของยูเอ็นเอชซีอาร์ และฮิวแมนไรท์วอช ที่เคยให้ความเห็นไว้โดยทั้ง 2 หน่วยงานไม่เห็นด้วยกับการนิรโทษกรรม เพราะเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นร้ายแรงไม่ควรล้างผิดให้คนที่ฆ่าคนอื่น ดังนั้น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จึงมอบหมายให้นายกษิต ภิรมย์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะอดีตรมว.ต่างประเทศ นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรค นายเกียรติ สิทธีอมร สส.บัญชีรายชื่อ และตน ไปประสานการติดต่อเข้าพบสถานเอกอัครราชทูตต่างประเทศ องค์กรระหว่างประเทศที่ประจำประเทศไทย พร้อมส่งจดหมายเปิดผนึก

นายชวนนท์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้หากนายโคฟี อันนัน อดีตเลขาธิการองค์การสหประชาชาติ(ยูเอ็น) และนายโทนี่ แบลร์ อดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษ เดินทางมาประเทศไทยจริงนั้น ก็จะประสานงานขอเข้าพบ เนื่องจากก่อนหน้านี้นายโคฟี ได้เดินทางยังประเทศไทยเมื่อปีที่ผ่านมา และเสนอให้รัฐบาลนำแนวทางของคอป. ไปปรับใช้ รวมทั้งให้คอป.ทำงานอิสระ และเสนอให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ต้องเสียสละ แต่ปรากฏว่า ขณะนี้รัฐบาลก็ไม่สนใจข้อเสนอดังกล่าว แต่กลับจะเชิญให้นายโคฟีเข้าร่วมเวทีอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ตนจะแปลรายงานของ คอป.และคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ(กสม.) เป็นภาษาอังกฤษ เพื่อส่งให้กับหน่วยงานต่างๆ เพื่อให้รับทราบข้อมูลอีกด้านที่รัฐบาลไม่ได้ทำให้เกิดความชัดเจนด้วย

"มัลลิกา" มอบโล่ "ยิ่งลักษณ์" แขวะเชิญคนร่วมวงปฎิรูปประเทศ แต่ไม่จริงใจทำตามข้อเสนอคอป.

น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการเดินทางเทียบเชิญบุคคลสำคัญเข้าร่วมเวทีสภาปฏิรูปการเมือง หาทางออกให้ประเทศไทย ของนายพงษ์เทพ และนายวราเทพ ว่า เป็นการตระเวนเชิญบุคคลต่างๆ เข้าร่วมสังฆกรรมประทับตรายางล้างผิดคนโกง นิรโทษกรรมคนทำร้ายประเทศ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวไม่มีทางจะสำเร็จได้ถ้าหาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ปฎิบัติตามคำแนะนำ รวมถึงรายชื่อที่ถูกเทียบเชิญยังเป็นบุคคลที่เคยให้คำแนะนำไปแล้ว อาทิ แนวทางของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) แสดงให้เห็นถึงความไม่จริงใจของนายกฯที่ทำตัวไม่รู้เหนือรู้ใต้ใช้คนไปตระเวนเชิญบุคคลต่างๆ มาเข้าร่วมเจรจาแต่ตัวเองไม่ยอมเข้าหารือด้วย

“ปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้ต้องมอบโล่รางวัลตอแหลยอดเยี่ยมประจำสัปดาห์ให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ส่วนรางวัลบริวารดีเด่น 2 รางวัลขอมอบให้นายวราเทพและนายพงศ์เทพ ซึ่งหากต้องการมารับรางวัลที่เป็นโล่สลักชื่อได้ที่สำนักโฆษก เพราะดิฉันตั้งใจทำมามอบให้จริงๆ ” น.ส.มัลลิกา กล่าว

น.ส.มัลลิกา กล่าวต่อว่า ขอให้รัฐบาลประกาศโผรายชื่อของนักโทษ ผู้ต้องหา ผู้ได้ประโยชน์จากการล้างผิดครั้งนี้ โดยจัดทำเป็นบัญชีรายชื่อพร้อมแนบประวัติและความผิดทุกคดี อาทิ คดีก่อการร้าย คดีเผาบ้านเผาเมือง คดีเผาศาลากลาง ว่าใครทำผิดคดีอะไรบ้างให้ประชาชนรับทราบตั้งแต่วันที่ 11 ส.ค.วันนี้เป็นต้นไป

"สุริยะใส" ชี้ 5 จุดอ่อนสภาปฏิรูป "นายกฯ" ต้นทุนปฏิรูปต่ำ

นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน (Green Politics) กล่าวถึงการตั้งสภาปฏิรูประเทศตามแนวคิดของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่า ตนเห็นว่าแนวคิดหาทางออกประเทศด้วยการเตรียมตั้งสภาปฏิรูปการเมือง โดยการเชิญตัวแทนและบุคคลหลายๆ กลุ่มเข้าร่วมนั้น เป็นเรื่องที่ห่างไกลความจริงจากคำว่าปฏิรูป เพราะรัฐบาลไม่ได้รับความไว้วางใจพอที่จะได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย และมีจุดอ่อน 5 ประการ คือ

1. นายกฯ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในฐานะผู้นำและผู้ริเริ่ม แต่เป็นผู้นำ ที่ต้นทุนปฏิรูปต่ำ ขาดวิสัยทัศน์และบกพร่องทางภาวะผู้นำ ตลอดระยะเวลา 2 ปี สังคมไทยยังไม่เห็นพลังการปฏิรูปจากตัวนายกฯ เป็นได้แค่เครื่องสำอางทางการเมือง เท่านั้น

2. ดูรายชื่อบุคคลที่มีการเชิญเข้าร่วมและตอบรับแล้ว ก็เป็นสายความคิดเดียวกับรัฐบาลโดยเฉพาะจุดยืนในเรื่องปรองดองของกลุ่มคนคณะนี้ เอื้อประโยชน์ต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยตรง และเป็นตัวแทนความคิดแบบเก่าเป็นส่วนหนึ่งของการเมืองที่ล้มเหลว หลายคนมีส่วนสำคัญในการสร้าง จรรโลง และวางรากฐานของระบบการเมืองที่ล้มเหลวมาตั้งแต่ต้น

3.รัฐบาลไม่ได้พิสูจน์ความจริงใจ ถอนร่าง พรบ.นิรโทษกรรม เพื่อสร้างบรรยากาศปรองดอง ลดความหวาดระแวง เพื่อให้ภาคส่วนต่างๆ หันหน้าเข้าหากัน และไม่นำพาต่อความแตกแยกของสังคมภายใต้ ร่าง พรบ.ฉบับนี้ ที่ส่อแววเผชิญหน้าครั้งใหญ่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

4. ไม่มีพื้นที่ให้กับตัวแทนภาคประชาชนทุกกลุ่มในสังคม ที่แตกต่างหลากหลายและมีสัดส่วนที่เหมาะสม และตลอด 2 ปีของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ บริหารราชการด้วยการละเลยและไม่ให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของประชาชน เช่น โครงการจัดการน้ำ ส่อถึงความไม่โปร่งใส มองกลุ่มประชาชนที่เห็นต่างเป็นเพียงขยะ

5. ระบอบทักษิณ เป็นสาเหตุสำคัญในการฆ่าตัดตอนกระบวนการปฏิรูปการเมืองตามรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน พ.ศ.2540 แทรกแซงทำลายการถ่วงดุลตรวจสอบและองค์กรอิสระ เผด็จอำนาจเข้าสู่ส่วนกลาง ฉะนั้นการปฏิรูปการเมืองไม่มีทางเป็นจริงในสภาวะที่ระบอบทักษิณยังเรืองอำนาจอยู่