สาทิตย์-วิทยา ยัน ปชป.ไม่มีเอี่ยวจ้างคนใส้ร้าย ทรท.

"สาทิตย์-วิทยา" ยัน ปชป.ไม่มีเอี่ยวจ้างคนใส้ร้าย ทรท.


ที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ คณะตุลาการรัฐธรรมนูญ ออกนั่งบัลลังก์พิจารณาคำร้องของอัยการสูงสุดที่ขอให้คณะตุลาการพิจารณายุบพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า เป็นนัดที่ 10 โดยเป็นการสืบพยานผู้ถูกร้องจำนวน2 ปาก จากทั้งหมด 5 ปาก ประกอบด้วย

นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์
นายวิทยา แก้วภราดัย รองหัวหน้า

ในประเด็นจ้างวานให้มีผู้สมัครลงในพื้นที่ จ.ตรัง เพื่อใส่ร้ายพรรคไทยรักไทย


โดยนายสาทิตย์ เบิกความว่า


ตนทราบเรื่องการจัดหาผู้สมัครลงสมัครในนามพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้าโดยการดำเนินการของนายทักษนัย กี่สุ้น อดีตผู้ช่วยส.ส.ของตน ภายหลังจากที่บุคคลทั้ง 3 ลงสมัครเรียบร้อยแล้ว โดยนายทักษนัยเป็นโทรศัพท์มาบอก เนื่องจากผู้สมัครทั้ง 3 เกรงกลัวว่าได้กระทำผิดกฎหมาย และจะถูกดำเนินคดี

จึงมาขอความช่วยเหลือ ตนจึงได้ต่อว่า และแนะนำให้โทรศัพท์ไปปรึกษานายถาวร เสนเนียม ฝ่ายกฎหมายของพรรค จากนั้นก็เป็นการติดต่อระหว่างนายถาวร และผู้สมัครทั้ง 3 คน โดยตนไม่ได้เกี่ยวข้องอีก

นายสาทิตย์ กล่าวอีกว่า สำหรับการให้การของนายทวี สุระบาล ผู้สมัครของพรรคไทยรักไทย ระบุว่าตนอยู่เบื้องหลังการจ้างพรรคเล็กลงสมัครเพื่อใส่ร้ายพรรคไทยรักไทย ก็ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด เพราะตนเชื่อว่า ในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 เม.ย. และ 23 เม.ย. 49 นายทวี จะไม่สามารถได้คะแนนถึง 20 % แน่นอน จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปจ้างพรรคเล็กมาใส่ร้ายพรรคไทยรักไทย


ด้านนายวิทยา ให้การว่า


เท่าที่ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้ เชื่อว่านายทักษนัย ดำเนินการไปโดยส่วนตัว และเพราะเกรงใจนายไวท์ ผู้ประสานงานหาผู้สมัครของพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า เพราะนายไวท์เคยมาช่วยเหลือนายทักษนัย ในการเลือกตั้งท้องถิ่นที่ จ.ตรังมาก่อน จึงต้องช่วยเหลือกลับคืน

โดยเงินที่ใช้ในการสมัครก็เป็นเงินของพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า จึงไม่เกี่ยวข้องกับพรรคประชาธิปัตย์แต่อย่างใด


นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการไต่สวนคดียุบพรรคว่า


อยากให้สื่อที่เขียนวิเคราะห์ต่างๆ ได้ติดตามการไต่สวนให้ทุกประเด็น ว่าแต่ละประเด็นมีการกำหนดหัวข้อไว้อย่างไร และพยานให้ว่าอย่างไร และให้เกียรติคณะตุลาการฯ ไม่ใช่ถึงเวลาก็ไปสรุป ว่าจะมีการยุบพรรคนั้นพรรคนี้

"เวลานี้มีความพยายามที่จะสร้างค่านิยมบางอย่างขึ้นเช่น บอกว่าพรรคไทยรักไทย และพรรคประชาธิปัตย์โดนคดีเหมือนกันและเป็นคู่แข่งกัน คนหนึ่งทำผิดอีกคนก็ต้องทำผิดซึ่งมันไม่ใช่ จึงอยากให้ว่ากันตามกฎหมาย เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการบังคับใช้กฎหมาย ถ้า ใครทำผิดก็ต้องรับโทษ ถ้าใครไม่ผิดก็ไม่ต้องรับโทษ" นายอภิสิทธิ์ กล่าว



ขอขอบคุณ : ข้อมูลข่าวที่มีคุณภาพ

จาก หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์