จ้องเลี่ยงความรับผิดชอบ สอนหลัก ปชต. ฝ่ายบริหารคุมเสียงข้างมากในสภาได้
แนะทางออกบ้านเมืองหยุดทำเพื่อพี่และพวก มุ่งแก้ปัญหาประเทศ พูดความจริงกับประชาชน จับตา 1 ส.ค. ยัดไส้ นิรโทษหรือไม่ เหตุใช้เสียงข้างมากยกเว้นข้อบังคับได้ แถม “ยิ่งลักษณ์” อยู่ ตปท.
เมื่อวันที่ 29 ก.ค. ที่ท่าอากาศยานดอนเมือง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร
กล่าวถึงผลสำรวจความเห็นของประชาชนกว่า 60 % เห็นด้วยกับการนิรโทษกรรมว่า ตนเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับการที่เอาอาวุธสงครามทำร้ายประชาชน เผาทรัพย์สินสถานที่ราชการและเอกชนแล้วบอกว่าไม่มีความผิด เพราะฉะนั้นเรื่องนี้มีทางออกคือ ควรให้ทุกฝ่ายมาพูดคุยกัน พิจารณารายงานของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อความปรองดองแห่งชาติ หรือ คอป.หารือกับญาติผู้เสียชีวิต พูดคุยเรื่องการนิรโทษกรรมเฉพาะความผิดที่สังคมเห็นชัดเจนว่าไม่กระทบต่อการบังคับใช้กฎหมาย หรือการมีกฎหมายในอนาคต แต่ความขัดแย้งในขณะนี้เกิดจากมีการพ่วงคนอื่นเข้าไปด้วย แล้วจะหาความสงบในอนาคตได้อย่างไร ตนอยากให้ลองไปถามประชาชนว่า ถ้าคนที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลไปทำวิธีการแบบนี้สมควรจะนิรโทษกรรมหรือไม่ ซึ่งตนเชื่อว่าคนส่วนใหญ่จะบอกว่าไม่สมควรนิรโทษกรรม
ส่วนกรณีที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี บอกไม่สามารถอนร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมที่ค้างในสภาได้เพราะเป็นเรื่องของฝ่ายนิติบัญญัตินั้น
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า นายกฯไม่เข้าใจระบบการเมืองไทย ระบบรัฐสภา การพูดเช่นนี้คงพยายามหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบทางการเมืองมากกว่า เพราะรู้ดีว่าเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของคนใกล้ชิด ตั้งแต่พี่ชายไปจนถึงคนอื่น โดยพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีโอกาสหลุดคดีก่อการร้าย เพราะนายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย เขียนร่างพ.ร.บ.นริโทษกรรม มีการระบุถึงคนที่มีอำนาจสังการ โดยไม่ระบุให้ชัดว่าเป็นใครบ้าง จึงอาจมีปัญหาต้องตีความ เพราะนายวรชัย ก็อยู่ในเหตุการณ์ความรุนแรงด้วย
“นายกฯจะอ้างว่ามีเสียงเดียวทำอะไรไม่ได้ คงไม่จริง ผมว่านายกฯต้องพูดความจริงกับประชาชน ในฐานะหัวหน้ารัฐบาลในระบบรัฐสภา นายกไม่สามารถอยู่ได้ถ้าไม่สามารถกุมเสียงข้างมากในสภาได้ เพราะฉะนั้นเป็นความพยายามเลี่ยงความรับผิดชอบเท่านั้น และกฎหมายสำคัญ ๆ ของรัฐบาลก็มีการคุมกันอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน จะปฏิเสธความจริงเกี่ยวกับระบบที่พรรคเพื่อไทยคุมส.ส.อยู่หรือไม่ ในระบบรัฐสภา ฝ่ายบริหารกับเสียงข้างมากในสภาอยู่ฝ่ายเดียวกัน มันไม่ใช่ระบบแยกอำนาจเหมือนระบบประธานาธิบดี นี่คือข้อเท็จจริงอย่าไปบิดเบือน และเมื่อนายกเป็นส.ส. และเป็นหัวหน้ารัฐบาล อีกทั้งเรื่องนี้ก็เกี่ยวข้องกับนโยบายของรัฐบาลในเรื่องการปรองดอง เกี่ยวข้องกับผลกระทบในการรักษาความสงบเรียบร้อยในบ้านเมืองด้วย” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวอีกว่า ถ้าหัวหน้ารัฐบาลพูดว่าเพื่อความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ขอชะลอเรื่องนี้ไว้ก่อน
ตนเชื่อว่าทำสำเร็จ แต่ปัญหาคือไม่อยากทำและก็ไม่อยากรับผิดชอบ ทั้งนี้ตนคิดว่ารัฐบาลคงมีการประเมินกระแสอยู่ตลอดเวลา จะเห็นได้ว่าเขาดูอย่างเดียวว่าคนคัดค้านจะมีแรงมากน้อยแค่ไหนอย่างไร มากกว่าที่จะคำนึงถึงหลักการ ความถูกต้อง และประชาชนต้องการที่จะให้การทำงานของรัฐบาลมุ่งที่การแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ปากท้องมากกว่า ถ้าหากรัฐบาลจะฟังผลสำรวจความเห็นประชาชน ทำไมไม่ฟังประเด็นนี้บ้าง ส่วนที่เกรงกันว่าจะมีการนำเรื่องนี้มาพิจารณาในการประชุมสภาวันที่ 1 ส.ค.นั้น ตนเห็นว่ามีโอกาสเป็นไปได้ เพราะเขาสามารถยกเว้นข้อบังคับได้ ซึ่งจะแสดงให้เห็นถึงเจตนาที่จะทำให้เกิดความขัดแย้งรุนแรงมากขึ้น เพราะนายกรัฐมนตรีไม่อยู่ในประเทศด้วย ซึ่งถือเป็นความพยายามของนายกฯในการเลี่ยงความรับผิดชอบ ทั้งที่ไม่สามารถเลี่ยงได้ จึงขอว่าอย่าบิดเบือนระบบ อย่าหลอกลวงประชาชน สำหรับกระแสข่าวที่ระบุว่าอาจมีการผลักดันสามวาระรวดนั้น ตนเห็นว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะพวกตนจะแปรญัตติกันทุกคน ไม่จบแน่.