สมช.โต้บีอาร์เอ็นไทยไม่ได้ก่อเหตุรุนแรง

สมช.โต้บีอาร์เอ็นไทยไม่ได้ก่อเหตุรุนแรง

เลขาฯสมช.เผยแปลหนังสือ "บีอาร์เอ็น"ประท้วงไทยเป็นภาษาอังกฤษแล้ว ส่งหนังสือตอบโต้กลับ ยืนยันไทยไม่ได้ก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่

เมื่อวันที่ 20 ก.ค. พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวถึงกรณีโรงเรียนนักข่าวชายแดนใต้ (ดีเอสเจ) รายงานข่าวจากประเทศมาเลเซียว่านายฮัสซัน ตอยิบ แกนนำกลุ่มบีอาร์เอ็น ในฐานะตัวแทนการพูดคุยสันติภาพกับตัวแทนรัฐบาลไทย ได้ยื่นหนังสือต่อ ดาโต๊ะ สรี อาห์มัด ซัมซามิน ฮาซิม อดีตผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติมาเลเซีย ในฐานะผู้อำนวยความสะดวกการพูดคุยสันติภาพระหว่างไทยกับกลุ่มบีอาร์เอ็น เพื่อประท้วงฝ่ายไทยละเมิดข้อตกลงการลดความรุนแรงช่วงเดือนรอมฎอน ว่า ฝ่ายความมั่นคงของไทยได้รับหนังสือประท้วงฝ่ายไทยละเมิดข้อตกลงการลดความรุนแรง ช่วงเดือนรอมฎอนแล้วผ่านทางอีเมลล์ จากทางการมาเลเซียโดยผู้อำนวยความสะดวกการพูดคุย เป็นเนื้อหาภาษาอังกฤษ ซึ่งเจ้าหน้าที่ทางการไทยได้ทำความเข้าใจและแปลเนื้อหาเสร็จเรียบร้อยแล้ว พร้อมส่งผ่านผู้อำนวยความสะดวกการพูดคุยตอบกลับไปยังทางการมาเลเซียแล้วเช่นกัน
 
เนื่องจากทางการข่าวของกลุ่มบีอาร์เอ็นกังวลใจว่าฝ่ายไทยจะเข้าใจการก่อเหตุความรุนแรงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

ช่วงเดือนรอมฎอนในหลายจุดว่าเป็นการกระทำของกลุ่มบีอาร์เอ็น จึงทำหนังสือประท้วงว่าฝ่ายไทยเป็นผู้เริ่มก่อเหตุความรุนแรงก่อน ขณะที่ฝ่ายไทยยืนยันว่าไม่ได้เป็นผู้ก่อเหตุก่อน จึงอยู่ระหว่างขั้นตอนการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างไร  เพื่อสร้างความเข้าใจระหว่าง 2 ฝ่ายว่าเหตุเกิดขึ้นจากอะไรนำไปสู่คำตอบในการสร้างสันติสุขในอนาคต

พล.ท.ภราดร กล่าวด้วยว่า การส่งหนังสือประท้วงไทยละเมิดข้อตกลงครั้งนี้ ไม่ใช่ต้องการยกระดับข้อเรียกร้องของกลุ่มบีอาร์เอ็น

จนกระทบการพูดคุยสันติภาพในอนาคตแน่นอน และคาดว่าจะมีการพูดคุยสร้างความสงบสุขอีกครั้ง หลังสิ้นสุดเดือนรอมฎอนก่อน เนื่องจากช่วงนี้มาเลเซียติดประกอบศาสนกิจเดือนรอมฎอน ขณะนี้หน่วยงานความมั่นคงของไทยจะเดินหน้าสืบสวนสอบสวนต่อใช้เป็นข้อมูลทางสถิติหาข้อเท็จจริงเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ได้

เมื่อถามว่าถ้ากลุ่มบีอาร์เอ็นมีการยิงโจมตีมาก่อน เลขาธิการสมช.กล่าวว่า ฝ่ายไทยมีฐานหน่วยข่าวกรองที่ดีในการติดตามสถานการณ์ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างใกล้ชิดตลอดเวลา ขณะเดียวกันจะต้องสอบถามข้อเท็จจริงผ่านผู้อำนวยความสะดวกการพูดคุยยังทางการมาเลเซียก่อนว่า เป็นการกระทำของกลุ่มบีอาร์เอ็นหรือไม่ ซึ่งจะรับทราบคำตอบยืนยันจากทางการมาเลเซียว่าใช่หรือไม่ใช่

โดยทางการไทยจะมีมาตรการตอบโต้กรณีเกิดเหตุขึ้น เพื่อเป็นเครื่องยืนยันว่าไทยไม่ได้เป็นผู้กระทำความรุนแรงในพื้นที่ก่อน เพราะหากไม่มีมาตรการตอบโต้กลับบ้าง ประเทศไทยจะได้รับความเสียหายได้เช่นกัน

พล.ท.ภราดร กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาทางการไทยไม่เคยปฏิบัติการก่อนเลยสักครั้ง และมาตรการรักษาความปลอดภัยมีความเข้มข้นมากที่กลุ่มก่อความรุนแรงหรือก่อความไม่สงบไม่สามารถลุกล้ำหรือเข้ามาครอบครองพื้นที่อธิปไตยของไทยได้แน่นอน เนื่องจากมีเจ้าหน้าที่ ตำรวจ และทหารคอยตรวจตรา ลาดตระเวน และคุ้มเข้มทุกพื้นที่อยู่แล้ว.


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์