วิเคราะห์การเมือง ก็ทำให้เขาระแวงเอง

ร้อยวันพันปีเพิ่งเคยเห็นหมอกควันปกคลุมท้องฟ้าในจังหวัดภาคเหนือตอนบน บรรยากาศอึมครึมๆพิลึก ชาวบ้านต้องใส่หน้ากากช่วยหายใจ ต้องงดเที่ยวบินไม่มีกำหนด

พร้อมๆกับที่ภาคกลาง ปลาในแม่น้ำเจ้าพระยาลอยตายเป็นเบือที่จังหวัดอ่างทอง ลอยต่อจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เกษตรกรผู้เลี้ยงปลาในกระชังขาดทุนยับเยินไปตามๆกัน

อีสานก็แล้งจนชาวบ้านต้องซื้อน้ำใช้

หันไปที่ภาคใต้ โจรระยำไล่ฆ่าคนบริสุทธิ์เหมือนผักปลา ล่าสุดผู้โดยสารรถตู้สายเบตง- ยะลา นั่งรถมาดีๆ เจอดักจ่อยิงหัวทีละคนอย่างเหี้ยมโหด 9 ศพ

มันอะไรกันหนอเมืองไทยยามนี้

ที่แน่ๆคนเฒ่าคนแก่ที่เชื่อเรื่องลางบอกเหตุมาตั้งแต่สมัยโบร่ำโบราณ ชักเริ่มใจฝ่อ

ยิ่งย้อนกลับไปอ่านคำทำนายของหมอดูดังๆในช่วงต้นปีก็ยิ่งน่าเสียวไส้ มีหมดทั้งภัยธรรมชาติและเหตุวิบัติทางการเมือง

หมอกควัน ภัยแล้ง ไฟป่า ปลาตาย ภัยธรรมชาติเกิดให้เห็นๆแล้ว

เหตุการณ์รุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ ก็ฆ่ากันไม่เว้นวัน เพิ่มระดับความโหดเหี้ยม ไร้ความเป็นมนุษย์ลงทุกที

ขนาดยอมกระทั่งปูผ้ากราบขอโทษแล้วยังไม่ยอมเลิกรา

ล่าสุดจับสัญญาณเสียงเข้มๆของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี อดีตผู้บัญชาการ ศูนย์สงครามพิเศษป่าหวาย ลพบุรี พูดด้วยน้ำเสียงเครียดๆ "ไม่เคยประนีประนอมกับคนผิด" พร้อมย้ำเป็นนัยๆ

การใช้วิธีทางการทหาร วิธีรุนแรงไม่ใช่เรื่องยาก

ฤาษีก็ตบะแตกได้

แต่ก่อนอื่นเลย พล.ท.วิโรจน์ บัวจรูญ แม่ทัพภาคที่ 4 ได้งัดเคอร์ฟิวประกาศในพื้นที่เสี่ยงภัยในจังหวัดยะลา ยืนยันระดับความรุนแรงของสถานการณ์

แต่ที่ตั้งเค้าเป็นเมฆทะมึน ก่อตัวเป็นมรสุมลูกใหญ่กับเหตุวิบัติทางการเมือง

เงื่อนไขนายกรัฐมนตรีคนนอก

ไม่มีใครเชื่อคนมาดนิ่งอย่าง "บุรุษคาบไปป์" น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ ประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ

จะแค่พูดเล่นพูดหัว

อารมณ์ขันขนาดไม่เลือกเวลา จุดพลุปมนายกรัฐมนตรีคนนอกมาเป็นประเด็น ในท่ามกลางบรรยากาศความหวาดระแวงการสืบทอดอำนาจ

ผลก็อย่างที่เห็นๆกัน

"บิ๊กบัง" พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก และประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ต้องคอยปฏิเสธคำถามวันละ 3 เวลาหลังอาหาร

คมช.ไม่เคยส่งสัญญาณถึงทีมงานยกร่างรัฐธรรมนูญ ปักธงที่มานายกรัฐมนตรี

ย้ำแล้วย้ำอีกก็สลัดคำถามนี้ไม่ได้

แต่ว่าไป มันก็เหมือนจงใจทำให้สังคมระแวง

ไม่ว่าจะโดยความตั้งใจดีหรืออะไรก็แล้วแต่ การที่จัดให้ น.ต.ประสงค์ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญไปนั่งอยู่กลางวงบิ๊กทหาร จัดเวทีสัมมนาระดมความเห็นในการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญในส่วนของกองทัพ

แถมด้วยคำถามจั๊กจี้หัวใจนักประชาธิปไตย

มีวิธีทำอย่างไรที่จะปฏิวัติโดยไม่ต้องฉีกรัฐธรรมนูญ

ใส่กางเกงแดง แขวนกระดิ่งไปวิ่งราว

โจ๋งครึ่มซะขนาดนี้

ไอ้ครั้นพอมีความเคลื่อนไหวต่อต้าน พล.อ.วินัย ภัททิยกุล ปลัดกระทรวงกลาโหม และเลขาธิการ คมช. ก็ดักทางตีปลาหน้าไซ

"กระบวนการร่างรัฐธรรมนูญต้องการลงประชามติ แต่ยังไม่ทันที่กระบวนการร่างรัฐธรรมนูญจะเริ่มต้นยกหนึ่งก็มีกระแสคัดค้าน ติติง วิพากษ์วิจารณ์พอสมควร จะเห็นได้ว่าเป็นขบวนการขัดขวางหรือเป็นขบวนการ ที่ชักนำสังคมให้มีแนวทางที่มีทัศนคติในทางลบ มีขบวนการที่จะจ้อง ทำท่าที่จะล้มร่างรัฐธรรมนูญ"

กลายเป็นความผิดพวกจ้องระแวงไปซะอีก.

จาก หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ