ไม่แปลกใจ.นายกฯ ปัดสอบ สพรั่ง

ที่พรรคไทยรักไทย วานนี้ (15 มี.ค.) นายจำลอง ครุฑขุนทด ประธานคณะทำงานติดตามการบริหารราชการแผ่นดิน พรรคไทยรักไทย กล่าวกรณี พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ปฏิเสธตรวจสอบการใช้งบประมาณ ทอท. เดินทางไปดูงานต่างประเทศของ พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ผู้ช่วย ผบ.ทบ. ในฐานะประธานบอร์ด ทอท. และคณะตามที่พรรคไทยรักไทยร้องเรียน

โดยให้เหตุผลว่า รัฐบาลจะไม่แทรกแซงการดำเนินการของหน่วยงานที่มีหน้าที่ตรวจสอบ อีกทั้งนางกัลยา ผกากรอง รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. ได้ชี้แจงไปแล้วว่า ไม่เข้าใจว่า พล.อ.สุรยุทธ์คิดเห็นต่อเรื่องนี้อย่างไร แต่เราคาดไว้แล้วว่าจะเป็นแบบนี้ จึงได้ส่งหนังสือไปถึง ป.ป.ช.อีกฉบับ ยืนยันว่าสิ่งที่พรรคไทยรักไทยทำก็เพื่อรักษาผลประโยชน์ ประชาชน ไม่ได้หวังดิสเครดิตใคร

ด้าน นายสุทิน คลังแสง รักษาการรองโฆษกพรรคไทยรักไทย กล่าวว่า ยอมรับว่าผิดหวังพอสมควร แม้ว่าเราจะไม่ได้คาดหวังว่านายกรัฐมนตรีจะสั่งดำเนินการตรวจสอบ แต่ก็ไม่คิดว่าท่านจะปฏิเสธตั้งแต่ต้นเช่นนี้ เรื่องที่เกิดขึ้นเราคิดว่าอย่างน้อยจะเป็นการกระตุ้นเตือนผู้มีอำนาจไม่ใช่จะทำอะไรตามใจได้ เขาต้องระวังตัวให้มากขึ้น เพราะประชาชนมีหูมีตาเฝ้ามองอยู่

ขณะที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ รองประธานกรรมการบริหารสถานีโทรทัศน์พีทีวี กล่าวถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่ทำการรื้อเวทีพิราบขาวของกลุ่มพิราบขาว เครือข่าย 19 กันยาต้านรัฐประหาร และกลุ่มชมรมคนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการ ที่จะนัดชุมนุมกันในวันที่ 17 มี.ค. ณ ท้องสนามหลวง และยังมีการจับกุมผู้ชุมนุมในเช้าวันเดียวกันนี้ว่า ไม่เข้าใจว่ารัฐบาลชุดนี้มีวิธีคิดอย่างไร

ทั้งที่อ้างมาตลอดว่ามีความเป็นประชาธิปไตย แต่กลับมีการปิดกั้นสิทธิของประชาชนอย่างชัดเจน ถ้าเทียบกับรัฐบาลพรรคไทยรักไทยแล้ว จะเห็นว่ามีความใจกว้างมากกว่า ปล่อยให้กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยชุมนุม เคลื่อนไหวอย่างอิสระ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่ากลุ่มผู้ชุมนุมก็คงจะหาทางออกในการเคลื่อนไหวกันต่อไป ตามสิทธิที่พึงมี รัฐบาลไม่สามารถปิดกั้นได้

สำหรับสถานีโทรทัศน์ พีทีวีนั้น กำลังหารือกันอยู่ว่าจะเคลื่อนไหวกันอย่างไร จะประกาศให้รับรู้กันอย่างแน่นอน ที่ผ่านมาเราถูกกระทำ ถูกเลือกปฏิบัติอยู่คนเดียว หากสุดท้ายไม่สามารถออกอากาศได้ เราก็จะไปร่วมกับประชาชนที่มีแนวทางเดียวกัน โดยจะใช้พื้นที่ท้องสนามหลวงเคลื่อนไหวภายใต้เงื่อนไขของพีทีวี อาจจะเป็นวันนี้พรุ่งนี้ก็ได้

วันเดียวกัน นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และครอบครัวชินวัตร กล่าวถึงกรณีอัยการสูงสุดสั่งฟ้องคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภรรยา พ.ต.ท.ทักษิณ นายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ รวมทั้งนางกาญจนาภา หงษ์เหิน ในข้อหาร่วมกันหลีกเลี่ยงภาษีอากร

โดยเบื้องต้น คตส.ได้กำหนดวันรายงานตัวต่อศาลในวันที่ 26 มี.ค. ว่า หากเป็นเงื่อนไขที่ศาลกำหนดออกมาแล้วก็ต้องปฏิบัติตาม ทางเราก็พร้อมหากในวันดังกล่าวไม่ได้ติดปัญหาอะไร คุณหญิงพจมานและนายบรรณพจน์ก็จะเดินทางไปชี้แจงที่ศาลด้วยตนเองอย่างแน่นอน ดังนั้น ที่มีข่าวว่าทาง คตส.อาจต้องออกหมายจับนั้นคงไม่จำเป็น เพราะกระบวนดังกล่าวที่ออกมาเป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องไปชี้แจง และไม่คิดจะบิดพลิ้วอยู่แล้ว

โดยเบื้องต้นเท่าที่มีการประเมินนั้น ขั้นตอนการดำเนินการของอัยการนั้นไม่มีอะไรน่าตกใจเพราะหลังจากนี้ก็จะต้องมีการสืบสวนดำเนินคดีถึง 3 ศาล ซึ่งถือเป็นโอกาสในการสู้คดีอีกหลายทาง เพราะกรณีดังกล่าวต้องเชื่อมโยงกับคดีภาษี นอกจากนั้น อัยการต้องดูว่าเจตนาภายในของผู้ถูกกล่าวหานั้นจงใจหลีกเลี่ยงภาษี มีภาระทางภาษีรวมถึงมีความผิดทางกฎหมายอาญาหรือไม่ ซึ่งเราก็พร้อมจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ทุกประเด็นอยู่แล้ว

"พ.ต.ท.ทักษิณได้ทราบแล้วว่าจะมีการนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาในขั้นตอนของศาล จึงได้ย้ำมาในส่วนของทีมทนายให้การเตรียมความพร้อมทั้งในเรื่องข้อมูล หลักฐานต่างๆ ตลอดจนเตรียมการเข้าชี้แจงของคุณหญิงพจมานและคุณบรรณพจน์ในวันที่ 26 มี.ค. 50 นี้ เนื่องจากเป็นเรื่องละเอียดอ่อนทางการเมือง และมีผลกระทบต่อครอบครัวของท่าน แต่เบื้องต้นเท่าที่ประเมินท่านก็มีความสบายใจระดับหนึ่งว่า

เมื่อเรื่องนี้เข้าสู่กระบวนการพิจารณาของศาลแล้ว ประเด็นทางการเมืองก็จะเข้ามาเกี่ยวข้องน้อยลง มั่นใจว่าจะได้รับความเป็นธรรมมากขึ้น เพราะเรื่องนี้ไม่ได้จะดูในแง่กฎหมายเท่านั้น แต่ผู้ที่เกี่ยวข้องตลอดจนสังคมไทยควรที่จะดูลึกลงไปถึงเจตนาภายในว่าครอบครัวชินวัตรที่บริจาคเงินเป็นพันๆล้านเข้ามูลนิธิไทยคมจะมีเจตนาหลีกเลี่ยงภาษีเพียงไม่กี่ร้อยล้านจนต้องถูกดำเนินคดีได้อย่างไร" นายนพดลกล่าวย้ำ

นายนพดลยังกล่าวถึงกรณีที่นายปราโมทย์ ปิตตะพันธุ์ หรือ "หมอไพศาล" ทำนายว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะกลับมาผงาดอีกครั้งว่า ขอขอบคุณที่ทำนายออกมาในแนวโน้มที่ดี แต่อนาคตก็ยังไม่มีใครรู้ว่าจะเป็นอย่างไร วันนี้ พ.ต.ท.ทักษิณก็ยังอยู่ต่างประเทศ และประกาศวางมือทางการเมืองไปแล้ว

ฉะนั้น อนาคตจะเป็นอย่างไรคงไปตอบแทน พ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้ เป็นเรื่องที่ตัวท่านเองตัดสินใจ และคงขึ้นอยู่กับประชาชนด้วยว่าจะคิดอย่างไรกับ พ.ต.ท.ทักษิณในอนาคตข้างหน้า เป็นไปได้ว่าท่านอาจกลับมาทำประโยชน์กับประเทศในฐานะอื่นที่ไม่ใช่ นายกฯ และคนที่เคยเข้าใจท่านผิดอาจจะกลับมาเข้าใจมากขึ้น

จาก หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ