นายราเมศ รัตนะเชวง รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาให้ชะลอการประมูลโครงการบริหารจัดการน้ำ
โดยให้รับฟังความคิดเห็นจากประชาชน และจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 57 วรรคสอง และมาตรา 67 วรรคสอง ว่า เป็นการสะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลชุดนี้ เป็นรัฐบาลที่ละเมิดต่อกฎหมายและส่งเสริมให้พวกพ้องของตนละเมิดต่อกฎหมาย โดยไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใด การที่นายกรัฐมนตรีระบุว่า คงต้องทำตามคำพิพากษานั้น ควรใช้คำพูดใหม่ว่ารัฐบาลต้องทำตามคำพิพากษา
ซึ่งฟังดูแล้ว เหมือนฝืนใจที่รัฐบาลต้องทำตามคำพิพากษา ซ้ำยังพยายามสร้างความเข้าใจผิดต่อสังคมอีก เมื่อนักข่าวถามว่า
โครงการนี้จะล้มหรือไม่ ซึ่งนายกรัฐมนตรีตอบว่า ขึ้นอยู่กับศาลปกครอง ดังนั้น นายกรัฐมนตรีอย่าโยนความผิดให้ศาลปกครอง นายกรัฐมนตรีต้องยอมรับผิดว่า โครงการนี้รัฐบาลทำไปโดยผิดกฎหมายสูงสุดของประเทศคือ ผิดรัฐธรรมนูญ ซึ่งรัฐบาลไม่เคยสนใจใยดีต่อสิทธิของประชาชน อีกทั้งนายกรัฐมนตรีไม่เข้าใจกระบวนการถ่วงดุลอำนาจฝ่ายบริหารโดยอำนาจตุลาการ ฉะนั้นนายกรัฐมนตรีควรตอบคำถามใหม่ต่อสังคมไทยว่า โครงการนี้จะล้มหรือไม่อยู่ที่รัฐบาลเอง นายกรัฐมนตรีเป็นคนสวย แต่ต้องพัฒนาการรำใหม่เพราะไม่เช่นนั้น รำไม่ดีก็จะโทษปี่โทษกลอง
นายราเมศ กล่าวต่อว่า การที่ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษา โดยยึดหลักการมีส่วนร่วมของประชาชน และยึดหลักความถูกต้องของกฎหมาย เป็นการยึดมั่นตรงตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ
หากมีโครงการใดของรัฐที่อาจมีผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อม สุขภาพอนามัย คุณภาพชีวิต ต้องรับฟังเสียงความคิดเห็นของประชาชนผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเสียก่อน เช่นเดียวกันกับกรณีการที่จะต้องจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน รัฐบาลอย่าดูดายกับสาระสำคัญตามหลักความถูกต้อง
ศาลปกครองได้ชี้แนะหลักความถูกต้องให้กับรัฐบาลแล้ว รัฐบาลควรขอบคุณศาลปกครองที่ช่วยชี้ทางสว่าง แต่ก็เชื่อว่าไม่กี่วันก็จะมีคนของรัฐบาลออกมาระบุว่า ศาลปกครองมาก้าวก่ายการทำงานของรัฐบาลสมควรยุบศาลปกครองทิ้งไปให้เหมือนกับที่มีความคิดที่จะยุบศาลรัฐธรรมนูญ เพราะถือว่าเป็นอุปสรรคในการทำงานของรัฐบาล จึงขอให้ประชาชนคนไทยให้กำลังใจศาลปกครองเพื่อที่จะได้คงอยู่เป็นที่พึ่งของประชาชนต่อไป