“สุกำพล” มั่นใจ “ปู” เอากองทัพอยู่ ลั่นอย่าดูถูกผู้หญิงคุมงานมั่นคง บอกทหารต้องฟังนายกฯ เพราะมีพาวเวอร์สุด เผยไม่หวังกลับมาทำงานให้รบ.
เชื่อโดนเด้งไม่เกี่ยวเล่นงาน “มาร์ค” ไม่ได้ มั่นใจปรับครม. เพิ่มเสถียรภาพรัฐบาล ด้านผู้ใหญ่ในกองทัพเชื่อ ไม่มีปัญหา ทหารต้องทำงานให้ได้ ค่ายจุฬาภรณ์ อ.เมือง จ.นราธิวาส พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะเข้ามาควบตำแหน่งรมว.กลาโหมว่า มั่นใจว่า นายกรัฐมนตรีจะทำงานได้ดีกว่าตนอีก
เพราะหากกองทัพขออะไรก็สามารถประสานกับนายกรัฐมนตรีได้โดยตรง โดยไม่ต้องผ่านใคร ทำให้การทำงานจะมีความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น เพราะนายกรัฐมนตรีเป็นคนที่มีพาวเวอร์ที่สุดในรัฐบาล มั่นใจว่า นายกรัฐมนตรีจะเอาอยู่ดีกว่าตน
เมื่อถามว่านายกรัฐมนตรีเป็นผู้หญิง หากต้องมาดูแลงานความมั่นคงจะหนักเกินไปหรือไม่ พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า อย่าดูถูกผู้หญิง เพราะในอดีต รมว.กลาโหมของประเทศสเปนก็เป็นผู้หญิงและในขณะนั้นท่านตั้งครรภ์ด้วย ในโลกนี้มีหลายประเทศที่มีรมว.กลาโหมเป็นผู้หญิง ไม่ต้องห่วงนายกรัฐมนตรี เพราะไม่ได้ไปออกรบ แต่จะใช้ความคิดและให้การช่วยเหลือ
ซึ่งงานไม่ได้ยากอะไร เมื่อถามต่อว่าคิดว่ามีสาเหตุอะไรที่นายกรัฐมนรีจะต้องมาควบตำแหน่งรมว.กลาโหมด้วยตนเอง พล.อ.อ.สุกำพล ย้อนถามกลับว่า
ตนจะพูดได้หรือไม่ อย่าถามเลย ตนไม่มีปัญหาอยู่แล้ว เมื่อถามอีกว่ารู้สึกใจหายหรือไม่ หากต้องถูกปรับออก พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ต้องเกิด เหมือนกับการรับราชการก็ต้องเกษียณ จะให้อยู่จน 80 ปีคงไม่ได้ ที่ผ่านมาตนทำงานได้ดีที่สุดแล้ว ถ้าหากต้องไปก็คงไป การที่ตนได้มาทำงานก็เพราะนายกรัฐมนตรีเชิญมา
ขณะนี้อายุ 62 ปีแล้ว หากจะใช้ใหม่ก็ว่าไป หากไม่ใช้แล้วก็ไม่เป็นอะไร ตนคงจะได้พักบ้าง ส่วนโอกาสที่จะได้เข้ามาช่วยงานรัฐบาลอีกนั้นยังอีกยาวไกล อย่าเพิ่งถามตอนนี้ อย่าไปคิดหรือหวัง เวลาที่ตนสอบยังหวังแค่70% ถ้าได้80% ก็ดีใจ แต่ถ้าหวัง 80% แล้วได้79% ตนเสียใจ
เมื่อถามว่าขณะนี้ได้เคลียร์งานไว้รองรับให้ รมว.กลาโหม คนใหม่มาสานงานต่อแล้วใช่หรือไม่ พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า น้องๆที่อยู่ในกระทรวงกลาโหม และกองทัพถือเป็นกุญแจสำคัญ เขารู้หน้าที่ ซึ่งตนได้กำชับเอาไว้ว่า หากนายกรัฐมนตรีมาเป็นรมว.กลาโหม. หรือแม้แต่ท่านอื่นก็ให้สานต่องานได้เลย ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่านายกรัฐมนตรีจะมาคุมกระทรวงกลาโหม
เพื่อดูบัญชีโยกย้ายนายทหารเพื่อจัดแถวกองทัพนั้น คิดอย่างนี้ไม่ถูก นายกรัฐมนตรีมานั่งก็มี 1เสียง รวมทั้งมีกฎหมายและกฎกระทรวงกลาโหมอยู่ต้องไปดูว่าใครเป็นคนตั้ง ตั้งมาเพื่ออะไร
“ผมไม่เห็นด้วยที่บอกว่าการเมืองไม่ควรยุ่งกับทหาร ไม่มีชาติไหนมีแบบนี้ การเมืองกับทหารต้องเกี่ยวพันกัน ทุกกระทรวงเป็นแบบนี้ เหลือกระทรวงกลาโหมนี่แหละ พิเศษตรงไหน ต้องเปลี่ยนใหม่ จะไม่ให้ยุ่งเรื่องการแต่งตั้งคงไม่ได้แล้ว ถ้าอย่างนั้นงบประมาณจะเอาที่ไหน คิดว่าทหารพูดกันรู้เรื่อง ยิ่งนายกฯมาก็สูงสุดอยู่แล้ว ยิ่งต้องให้ใหญ่เลย แต่นายกฯก็ฟังความคิดเห็นคนอื่น ท่านรู้ว่าท่านเป็นใคร” พล.อ.อ.สุกำพล กล่าว
เมื่อถามว่า สาเหตุที่ถูกปรับออกเป็นเพราะการถอดยศนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านไม่สุดทางหรือไม่ พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า ขณะนี้เรื่องอยู่ในระหว่างการฟ้องร้อง ต้องฟังศาลก่อนแล้วค่อยดำเนินการ แต่คนที่เคยเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีใช้หลักฐานเท็จในการเป็นทหารถึงจะพ้นคดีอาญาไปแล้ว ถามว่าภูมิใจหรือไม่ ถ้าเป็นเรื่องไม่จริงก็ไปฟ้องมา ตนพูดตั้งหลายครั้งแล้วก็ไม่เห็นฟ้องร้องตนสักที
ยืนยันว่าตนไม่ได้กลั่นแกล้งทางการเมือง และทำตามหลักฐานข้อเท็จจริง พร้อมชี้แจงทุกเวที เป็นลูกผู้ชายต้องยอมรับหากทำผิด
เมื่อถามต่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โทรศัพท์มาปลอบใจหรือให้กำลังใจบ้างหรือไม่ พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า เป็นเรื่องส่วนตัว จะบอกกันได้อย่างไร มีทักษิณก็โทรมาเหมือนกัน แต่คนละนามสกุล ทั้งนี้ตนเชื่อมั่นว่าการปรับครม. ครั้งนี้จะทำให้รัฐบาลมีเสถียรภาพมากขึ้น แม้จะประสบปัญหาเรื่องการทุจริตโครงการรับจำนำข้าวอยู่ก็ตาม แต่การทุจริตเป็นเรื่องที่เกิดระหว่างทาง
ซึ่งกำลังแก้ไขปัญหากันอยู่ และรัฐบาลก็ไม่ได้ทุจริต คนทุจริตก็อีกส่วนหนึ่งต้องแยกให้ออก เพราะจะไปเหมารวมคงไม่ได้
ด้านความเคลื่อนไหวของกองทัพนั้นแหล่งข่าวระดับสูงของกองทัพได้เปิดเผยถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์จะมานั่งตำแหน่งรมว.กลาโหมว่า คิดว่าไม่มีปัญหาอะไร เป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลเป็นผู้ตัดสินใจ ไม่ว่าใครจะมานั่งตำแหน่งรมว.กลาโหม ทหารก็ต้องทำงานให้ได้ ทั้งนี้ในส่วนของการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้นคิดว่าจะไม่เกิดผลกระทบ เพราะที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีก็มีอำนาจโดยตรงในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (ผอ.รมน.)ดูแลปัญหาภาคใต้อยู่แล้ว อีกทั้งการดำเนินงานก็เข้ารูปทั้งหมด