ไต่สวนยุบ ปชป. ยัน ทักษิณ แทรกแซงองค์กรอิสระ

คณะตุลาการรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคำร้องที่อัยการสูงสุดยื่นเรื่องให้คณะตุลาการรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า ในความผิดตามพ.ร.บ.พรรคการเมือง มาตรา 66 (2) และ (3) นัดที่ 9 โดยเป็นการไต่สวนพยานผู้ถูกร้องนัดที่ 2

นาย นิพนธ์ วิสิษฐยุทธศาสตร์ อดีตรองประธานวุฒิสภาคนที่ 1
นาย โสภณ โองการ บรรณาธิการอาวุโส เครือเนชั่น และ
นาย เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง อดีตส.ว.กทม.

โดยเป็นการสืบพยานเพื่อชี้ให้เห็นถึงการเข้ามาแทรกแซงองค์กรอิสระ และสื่อมวลชนในยุครัฐบาลพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเป็น 1 ในข้อกล่าวหาที่พรรคประชาธิปัตย์ใช้ปราศรัยโจมตีระบอบทักษิณ

ในช่วงระยะเวลาที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี มีการเข้ามาแทรกแซงวุฒิสภาเพื่อให้เลือกผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระอยู่ตลอดเวลา ดังจะเห็นได้ว่ามีบุคคลที่มีความรู้ความสามารถหลายคน อาทิ นาย คัมภีร์ แก้วเจริญ อดีตอัยการสูงสุด ที่วุฒิสภามีความเห็นว่ามีความเหมาะสมจะเป็นกรรมการป.ป.ช. แต่ก็ไม่ได้รับเลือก เพราะถูกบล็อกไว้

ที่มีโผออกมากลับมีชื่อของนาย สุรพล เอกโยคยะ พี่ชายของนาย วิชิต ปลั่งศรีสกุล ส.ส.พรรคไทยรักไทย และถูกวางตัวให้เป็นประธานป.ป.ช. โดยเป็นการวางตัวของพ.ต.ท.ทักษิณเอง นอกจากนี้ในช่วงที่พ.ต.ท.ทักษิณดำรงตำแหน่งนายกฯนั้น มีตำรวจเข้าไปทำงานอยู่เกือบทุกองค์กร ทั้งป.ป.ช. กกต. ศาลรัฐธรรมนูญ ทั้งที่ไม่เคยมีกรณีเช่นนี้มาก่อน

ตนทำอาชีพสื่อมวลชนมาเป็นเวลากว่า 30 ปี ผ่านมาหลายรัฐบาล ไม่เคยมีรัฐบาลไหนมีพฤติกรรมแทรกแซงสื่อเหมือนในสมัยพ.ต.ท.ทักษิณ และเมื่อตนสื่อได้มีการเสนอข่าวในเชิงลบต่อรัฐบาลก็สั่งปปง.เข้ามาตรวจสอบทางด้านธุรกรรมการเงินของบริษัท ฯ จนต้องมีการฟ้องศาลปกครองกันขอความเป็นธรรมกันในขณะนั้น

ในส่วนของ นาย เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง อดีตส.ว.กทม. นั้น ไม่ได้เดินทางมาศาล คณะตุลาการจึงสอบถามคู่กรณีว่ายอมรับคำให้การที่นายเจิมศักดิ์ให้การเป็นเอกสารได้หรือไม่ หากไม่มีอะไรเพิ่มเติม ก็ไม่จำเป็นต้องให้นายเจิมศักดิ์มาให้การอีก ซึ่งคู่กรณีก็ยอมรับ คณะตุลาการจึงให้ยกการสืบพยานปากนี้ไป อย่างไรก็ตามซึ่งในการสืบพยานในครั้งนี้ใช้เวลาเพียง 20 นาทีก็เสร็จสิ้น

ภายหลังการไต่สวน นาย ชวน หลีกภัย หัวหน้าคณะต่อสู้คดียุบพรรค ได้ร้องขอต่อคณะตุลาการฯเพื่อขอเผยแพร่คำให้การของพยานในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ต่อสาธารณะ

ตามข้อกำหนดวิธีพิจารณาของคณะตุลาการฯได้กำหนดให้มีการพิจารณาคดีโดยเปิดเผยอยู่แล้ว ดังนั้นการเผยแพร่คำให้การจึงเป็นสิ่งที่ทำได้ แต่ขอให้อย่าบิดเบือนข้อเท็จจริงที่นำเสนอต่อสาธารณะ

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์