นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน เปิดเผยว่า ขณะนี้สัญญาณการเผชิญหน้ากันของประชาชนที่สนับสนุนรัฐบาลกับกลุ่มต่อต้านรัฐบาลชัดเจนน่าเป็นห่วงมากขึ้น และมีแนวโน้มขยายตัวไปในหลายจังหวัด
แม้เป็นเรื่องธรรมดาที่ประชาชนจะมีความเห็นแตกต่างกันทางการเมือง แต่ต้องไม่สนับสนุนให้เกิดการทะเลาะหรือทำร้ายฝ่ายตรงข้าม
กรณีคนเสื้อแดงจัดม็อบมาคุกคามทำร้ายกลุ่มหน้ากากขาวนั้น นายสุริยะใส กล่าวว่า รัฐบาลต้องพิสูจน์ความจริงใจว่าไม่ได้แอบอยู่ข้างหลัง ต้องห้ามปรามและไม่สนับสนุนการกระทำที่ผิดกฎหมาย
แต่ที่ผ่านมาคนในรัฐบาลมีพฤติกรรมปากว่าตาขยิบและตำรวจก็ปล่อยปะละเลยจนเกินไป เช่นที่เขียงใหม่
"ในตอนเกิดเหตุเผชิญหน้าที่กองปราบฯ เมื่อปีที่แล้ว รตอ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี รับปากว่าจะไม่มีการชุมนุมพร้อมกัน ใครจัดก่อนก็จัดไป กลุ่มที่ไม่เห็นด้วยก็ไปจัดที่อื่นหรือจัดหลังจากนั้น แต่ก็ไม่เป็นจริงอย่างที่พูดไว้"
นายสุริยะใส กล่าวต่อไปว่า พฤติกรรมของรัฐบาลที่ไม่จริงใจในการรักษาความสงบเรียบร้อย เป็นการแบ่งแยกแล้วปกครอง เห็นดีเห็นงามให้ประชาชนเผชิญหน้ากัน แล้วรัฐบาลก็ฉวยโอกาสกอบโกยตักตวงผลประโยชน์ไปวันๆ ปล่อยให้ชาวบ้านตีกันเพื่อกลบข่าวขาลง
ทั้งการขาดทุนจำนำข้าวและนโยบายที่ล้มเหลว สภาวะการเมืองที่ล้มเหลวแบบนี้สร้างเงื่อนไขให้เกิดอำนาจนอกระบบเหมือนที่ผ่านๆ มา ซ้ำรอยเหตุการณ์ปี 49 และรัฐบาลกลายเป็นคนสร้างเงื่อนไขให้เกิดการรัฐประหารเสียเอง เพราะนอกจากไม่ทำหน้าที่ระงับเหตุการเผชิญหน้า แต่กลับเป็นผู้อยู่เบื้องหลังด้วยซ้ำ