'ณัฐวุฒิ'ยันโครงการจำนำข้าวชาวนาได้ประโยชน์ เผยข่าวปรับครม.เพื่อเด้ง'บุญทรง'นั้นยังไม่ทราบ
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ กล่าวถึงกระแสการขาดทุนของโครงการรับจำนำข้าวว่า โครงการดังกล่าวมีเป้าหมายหลักคือ เกษตรกรชาวนาและทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินโครงการ ซึ่งมีการส่งตัวแทนเข้ามาสังเกตการณ์ในโครงการอย่างครบถ้วน และเมื่อวันที่ 9 มิ.ย.ที่ผ่านมา ตนได้มีโอกาสสนทนากับตัวแทนชาวนา
โดยได้ข้อสรุปตรงกันว่า เกษตรกรชาวนาตัวจริงมีความพึงพอใจกับการเข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวและพร้อมสนับสนุนในการดำเนินโครงการต่อไป ดังนั้นโครงการในรูปแบบนี้จะดำเนินการต่อไปอย่างต่อเนื่องและครั้งต่อไปตนจะมีโครงการสัญจรรับฟังความคิดเห็นของชาวนาที่ จ.อุบลราชธานี ในเดือน มิ.ย.นี้ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีเกษตรกรและมีการนำข้าวเข้าร่วมโครงการเป็นจำนวนมากและจะเดินสายไปยังจังหวัดในภาคกลาง โดยยึดหลักการที่จะจัดในพื้นที่ที่มีการรับจำนำข้าวเป็นจำนวนมากก่อน
นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า เรื่องของตัวเลขที่เป็นงบประมาณที่รัฐบาลนำไปอุดหนุนรายได้ของชาวนาไม่ใช่เรื่องความลับและรัฐบาลไม่มีเจตนาจะปกปิด
แต่กระบวนการทำงานยังไม่ได้ข้อยุติ ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะไปตอบรับตัวเลขใดตัวเลขหนึ่งไม่ได้ โดยคณะอนุกรรมการปิดบัญชีเมื่อทำงานแล้วเสร็จจะต้องส่งเข้าที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ(กขช.) และเมื่อเห็นชอบตัวเลขใดแล้วจึงจะได้ผลสรุปที่เป็นการรายงานผลความคืบหน้าการดำเนินโครงการ และเป็นไปไม่ได้ที่รัฐบาลจะเดินหน้าต่อโดยการปกปิดข้อมูลเหล่านี้ ทุกอย่างจะต้องเปิดเผย
เพียงแต่กระบวนการยังไม่ยุติ อย่างไรก็ตาม เหตุที่มันยุ่ง เพราะมีคนบางกลุ่มไปหยิบเอาตัวเลขและอ้างว่าเป็นรายงานของคณะอนุกรรมการปิดบัญชี จึงกลายเป็นความสับสน โดยจะต้องรอว่าการประชุม กขช.ที่จะประชุมกันในสัปดาห์นี้แล้วจะมีข้อยุติอย่างไรประชาชนก็จะได้รับข้อสรุป
"ตนเชื่อว่า ตั้งแต่มีโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลทุกชุด ไม่ว่ารัฐบาลชุดไหนมีผลกำไรอยู่แล้ว
ซึ่งโครงการดังกล่าวก็ไม่มีเป้าหมายเพื่อผลกำไรอยู่แล้ว ดังนั้นคำว่ากำไรหรือขาดทุนจึงไม่ใช่ผลสำเร็จของโครงการ แต่ตัวชี้วัดความสำเร็จของโครงการคือ เม็ดเงินที่รัฐบาลใช้ไปถึงมือเกษตรกรชาวนาซึ่งเป็นคนระดับล่างมากน้อยแค่ไหน และเกิดพัฒนาการทางเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศอย่างไร ในชั้นนี้ 6 แสนกว่าล้านบาทที่โอนตรงจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์เพื่อการเกษตร(ธกส.) ถึงบัญชีชาวนาก็เห็นผลแล้วว่า รัฐบาลไม่จำเป็นต้องมีเม็ดเงินงบประมาณในการกระตุ้นเศรษฐกิจอื่นๆ ก็ทำให้การบริโภคจากระดับฐานล่างมีการหมุนเวียน มีการสูบฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจและมีความแข็งแรงของเศรษฐกิจอย่างที่เห็นในปัจจุบัน" นายณัฐวุฒิ กล่าว
นายณัฐวุฒิ กล่าวต่ออีกว่า ส่วนตัวเลขว่ามีการนำงบประมาณชดเชยในโครงการเท่าไหร่นั้นก็เป็นเรื่องที่จะต้องอธิบายต่อประชาชนอีกครั้งหนึ่งเมื่อทุกขั้นตอนยุติ ส่วนข้าวที่เข้าโครงการนั้นจะมีการขายไปกับใครหรือกระจายไปที่ไหนบ้างนั้น เป็นเรื่องของคณะทำงานเรื่องการระบายข้าว ซึ่งตนไม่ได้เข้าไปดูในส่วนนั้น แต่เชื่อว่าเมื่อถึงเวลาคณะทำงานกลุ่มนี้จะออกมาให้ข้อมูลเอง
"เชื่อว่าหลังจากการประชุม กขช.ในวันที่ 13 มิ.ย.นี้ จะมีความชัดเจนขึ้นและยืนยันว่าทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการ ส่วนรายงานที่มีการอ้างถึงนั้นมีการลงนามในวันที่ 23 พ.ค.ที่ผ่านมา และต้องผ่านที่ประชุม กขช.ก่อน หลังจากนั้นจึงจะมีข้อสรุปออกมา ซึ่งหนังสือรายงานดังกล่าวนั้นมีการตีตราลับ แต่นายกรณ์ จาติกวณิช สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กลับมีการโพสต์ลงเฟซบุ๊กถึงตัวเลขของรายงานฉบับดังกล่าวในวันเดียวกัน ที่มีการลงนามของประธานอนุกรรมการ จึงมีความสับสน ควรจะต้องปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการ ยืนยันการจัดเวทีโครงการจำนำข้าวสัญจรนั้นไม่ได้เป็นการซื้อเวลา
แต่เป็นการสื่อสารความเข้าใจ เพราะโครงการจำนำข้าวไม่ได้มีเพียงเรื่องตัวเลขกำไรขาดทุน แต่มีการโจมตีในหลายแง่มุม จึงต้องมีการสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายหลักให้มีความเข้าใจและมีข้อเท็จจริงที่ตรงกันและหลังจากที่มีการชี้แจงแล้วปฏิกิริยาที่กลับมาก็เป็นไปในทางบวกและตนก็ทำหน้าที่ชี้แจงตามบทบาทหน้าที่ของตน" นายณัฐวุฒิ กล่าว
นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อไปว่า ขอยืนยันว่านโยบายจำนำข้าวไม่ใช่ข้อผิดพลาด และนโยบายจำนำข้าวเกิดประโยชน์แท้จริงกับชาวนา
โดยนโยบายจำนำข้าวเป็นนโยบายที่ดำเนินการแล้วพี่น้องชาวนาเห็นอนาคตตัวเอง ลืมตาอ้าปากได้ ส่วนการบริหารจัดการจะถูกวิพากษ์วิจารณ์ก็เป็นเรื่องที่ผู้เกี่ยวข้องจะต้องอธิบายให้ความชัดเจนกันต่อไป ถ้าถูกกล่าวหาว่ามีการทุจริตก็ต้องมีการตรวจสอบ พบเห็นก็ต้องมีการดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด แต่โดยตัวหลักคิด หลักนโยบาย ตนยืนยันว่าโครงการนี้ชาวนาส่วนใหญ่แทบ100 เปอร์เซ็นต์ของประเทศขานรับแน่นอน
"ส่วนกระแสข่าวที่ระบุว่าจะมีการปรับคณะรัฐมนตรีในกระทรวงพาณิชย์เนื่องมาจากโครงการจำนำข้าวนั้น ตนยังไม่ทราบกระแสข่าว แต่ตนเป็นคนทำหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมายเหมือนนักฟุตบอลที่ผู้จัดการทีมบอกว่าให้ลงเล่นนาทีที่เท่าไหร่ก็ต้องลง บอกว่าออกมาพักนาทีที่เท่าไหร่ก็ว่าไปตามนั้น ตนคงไม่ไปก้าวล่วงดุลพินิจของนายกรัฐมนตรี" นายณัฐวุฒิ กล่าว