ยังลุ้นกันได้...หลายช็อต..!

กับลีลาของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน หัวหน้ากลุ่มมัชฌิมา ทำหนังสือขออนุญาตคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) เปิดทางสมาชิกลงพื้นที่พบปะประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์

โดยความตั้งใจโชว์โฉม แสดงตัวว่าที่ผู้สมัครผู้แทนฯ

ออกสตาร์ตเก็บแต้มตุนก่อนใคร

พร้อมๆกับอาการขยับของพรรคประชาธิปัตย์ที่ใช้วิธีแย็บแล้วถอย หยั่งเชิงคมช.ให้ปลดล็อกกฎเหล็กประกาศ คปค.ฉบับที่ 15 และ 27 กันในที

แต่จริงๆเลยมีการวางแผนซิกแซ็ก มีคำสั่งอย่างไม่เป็นทางการให้ลงพื้นที่ รักษาฐานกันไว้แต่เนิ่นๆ

หาวิธีเลี่ยงไว้แล้ว

โดยสัญชาตญาณนักการเมืองจมูกไว เก๋าเกมด้วยกันทั้งนั้น

มีหรือจะอ่านสถานการณ์ไม่ขาด

ก็ขนาดที่ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ต้องต่อสายนัด "บิ๊กบัง" พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบกและประธาน คมช. นำทีมคณะรัฐมนตรีนั่งกินข้าวมื้อประวัติศาสตร์กับบิ๊กๆ คมช.

งดเมนูเกาเหลา

ก่อนจะออกมาส่งสัญญาณ รัฐบาลและ คมช.เห็นพ้องต้องกันให้เร่งกระบวนการร่างรัฐธรรมนูญ และลุ้นให้ผ่านประชามติ เพื่อนำไปสู่การเลือกตั้งตามโปรแกรมที่วางไว้

เร่งเกมส่งไม้ให้รัฐบาลใหม่

หาทางลงหลังเสือกันแล้ว

และจริงๆเลย ถ้าไม่เกิดอุบัติเหตุทางการเมืองร้ายแรงขนาดที่ต้องใช้สถานการณ์ฉุกเฉินควบคุมประเทศ ไม่ว่าข้อสรุปนายกรัฐมนตรีจะมาจาก ส.ส. หรือเปิดช่องให้คนนอก ประชามติรัฐธรรมนูญจะล้มหรือไม่ ก็ยังมีช่องให้ คมช.ไปหยิบเอารัฐธรรมนูญฉบับไหนก็ได้มาใช้

ยังไงก็ต้องได้เลือกตั้ง

จึงได้เวลานักการเมืองกลับมาคึกคัก เลือดลมสูบฉีด ฟิตอยากลงสนามเต็มแก่

จะตะขิดตะขวงใจก็ตรงคดียุบพรรคนี่แหละ

เพราะเท่าที่จับอาการได้ทั้งในส่วนของพรรคไทยรักไทยและพรรคประชาธิปัตย์ เหมือนจะจับสัญญาณรับรู้เป็นการภายใน

โดนแน่

ดูจากสำนวนเบิกความของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ระบุเลยว่า ถ้าศาลสั่งยุบพรรคไทยรักไทยถือว่าไม่เป็นธรรมกับสมาชิก 14 ล้านเสียง

เพราะไม่ได้มีส่วนรับรู้แต่อย่างใด

คิวนี้ก็เหมือนปัดให้ พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา อดีตรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย กับ "เสี่ยเพ้ง" พงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล อดีตรองเลขาธิการพรรค

รับชะตากรรมไป

ขณะที่ฝ่ายประชาธิปัตย์เอง ประเมินจากการไต่สวนแมตช์หลังๆ พยานให้การมัดแทบทุกนัด โอกาสที่ "เทพเทือก" นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรค จะรอดสันดอน

แต่ทั้งหมดทั้งปวงเลย ถือคติตราบใดที่ชีวิตยังไม่สิ้นก็ยังมีความหวัง กับโทษดองเค็ม 5 ปี กรรมการบริหาร ในกรณีศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคโละทั้งยวง

เปรียบกับคดีอาญาทั่วไป ในฐานที่ผู้ต้องหามีส่วนร่วมรับรู้การกระทำผิดมาแต่ต้น แต่สุดท้ายสำนึกได้กับความผิด

ศาลยังมีเหตุให้ลดโทษ

กรณีของคดียุบพรรคไทยรักไทยก็เช่นเดียวกัน ในมุมของอดีตแกนนำพรรคไทยรักไทยที่ตัดสินใจสละเรือ รีบชิ่งลาออกจากค่ายเก่า

เล่นบทสำนึก แสดงความบริสุทธิ์ใจ

ลึกๆก็หวังไว้ คำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญน่าจะเว้นโทษให้

ต่างกับคนที่ยังมั่นคง ปักหลักอยู่กับพรรค ถือว่าไม่สำนึกกับการก่อความผิด

ไม่มีเหตุให้ลดหย่อนโทษ.

จาก หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ