อ้าง "นายกฯ" โปรยยาหอม รับปากจะใช้งบนี้สร้างถนนที่ จ.ปราจีนบุรี ด้าน "จาตุรนต์" ยันทำไม่ได้ ใช้งบนอกบัญชีแนบท้ายไม่ได้
คณะกรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานจำนวน 2 ล้านล้านบาท ได้ให้ผู้แปรญัตติเข้าชี้แจงต่อกมธ. โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้แปรญัตติ มาตรา 3,5,6,14,15,16 และ 20 รวม 7 มาตรา โดยกล่าวว่า ตนต้องการให้กระบวนการตรวจสอบเป็นแบบเดียวกับการตรวจสอบร่างพ.ร.บ.งบประมาณ หากมีรายละเอียดที่ชัดเจนตนก็ไม่ขัดข้อง โดยหลักแล้วนอกจากยุทธศาสตร์และแผนงานที่แนบมาในบัญชีแนบท้าย รัฐบาลเสนอเอกสารประกอบแต่ละแผนงาน
ซึ่งรัฐบาลก็ต้องยืนยันว่าจะไม่นำเงินไปใช้จ่ายในโครงการที่อยู่นอกแผนงาน ขณะเดียวกันถ้าไม่ทำโครงการหรือเงินเหลือใช้ก็ไม่ควรกู้เงิน และต้องนำเข้าเป็นงบประมาณประจำปี ไม่เช่นนั้นจะมีเจตนาหลีกเลี่ยงรัฐธรรมนูญ
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า นอกจากนี้ตนยังมีความสงสัยกรณีที่นายกรัฐมนตรีลงพื้นที่ จ.ปราจีนบุรี แล้วมีประชาชนมาขอให้ทำถนน นายกรัฐมนตรีบอกว่าจะดูเรื่องดังกล่าวในงบประมาณ 2 ล้านล้านบาท รวมทั้งการไปพูดในระหว่างดูงานที่ท่าเรือทวายก็ระบุว่า การดำเนินการเรื่องนี้จะดูในงบ 2 ล้านล้านบาทเช่นกัน ซึ่งตนได้ดูในยุทธศาสตร์และแผนงานก็ไม่พบทั้ง 2 โครงการอยู่ในเอกสาร เพราะในยุทธศาสตร์ 3.2 ว่าด้วยแผนงานพัฒนาระบบขนส่งเชื่อมโยงเศรษฐกิจหลักภายมในประเทศ วงเงิน1.2 แสนล้านบาท ก็วางกรอบยุทธศาสตร์กว้างเกินไป
ดังนั้นการที่ผู้บริหารไปพูดในลักษณะดังกล่าว อะไรจะเป็นหลักประกันว่ารัฐบาลจะไม่นำเงิน 2 ล้านล้านบาท ไปทำโครงการตามที่พูดไว้กับประชาชน
นายพิชิต ชื่นบาน ส.ส.บัญชีรายชื่อ กรรมาธิการจากพรรคเพื่อไทย ชี้แจงว่า การดำเนินโครงการใดที่ไม่สอดคล้องกับบัญชีแนบท้ายไม่สามารถทำได้ เนื่องจากในหมวด 2 มาตรา 14 ว่าด้วย "การเสนอและการบริหารจัดการโครงการ ระบุว่า ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการจัดทำรายละเอียดการดำเนินโครงการที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์แบละแผนงานท้ายพ.ร.บ. นี้ เสนอต่อครม.เพื่อพิจารณาอนุมัติการดำเนินโครงการและการจัดสรรเงินกู้
เพื่อการดำเนินโครงการตามพ.ร.บ.นี้ ทั้งนี้หน่วยงานเจ้าของโครงการ ต้องปฏิบัติตามขั้นตอนกฎหมายที่จำเป็น ต้องดำเนินการก่อนเริ่มโครงการให้ครบถ้วนด้วย" ดังนั้นถนนเส้นใดที่ไม่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ก็ไม่สามารถทำได้ เพราะมาตรา 14 จะเป็นตัวกำกับอย่างชัดเจน
นายจาตุรนต์ ฉายแสง รองประธานกมธ. ในฐานะประธานในที่ประชุม กล่าวว่า กฎหมายฉบับนี้ได้ระบุอย่างชัดเจน ว่าหากโครงการใดที่อยู่นอกเหนือบัญชีแนบท้ายที่เขียนไว้ในพ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้าน
จะไม่สามารถนำงบประมาณนี้ไปใช้ในโครงการนอกเหนือจากที่ระบุไว้ได้ อีกทั้งการให้อำนาจกับกระทรวงการคลังกู้เงิน แต่ละขั้นตอนของการดำเนินการก็ต้องมีความเหมาะสม โปร่งใสและตรวจสอบได้
อย่างไรก็ตาม นายอภิสิทธิ์ ได้สงวนคำแปรญัตติโดยยืนยันว่าการจัดทำโครงการของรัฐบาลจะต้องผ่านการพิจารณาของรัฐสภาอีกครั้ง เนื่องจากรายละเอียดของโครงการที่เสนอมาในเอกสารแนบท้ายไม่มีความชัดเจน