'เฉลิม' ยนกลุ่มจ้องล้ม'รบ.'อักษรย่อ'ส.เสือ'มีตัวตนจริง เชื่อมโยงกลุ่มยึดสุวรรณภูมิปี 49 ด้านน้อง'สุเทพ' เดือดท้า'เฉลิม'เก่งจริงเปิดชื่อเต็ม'ส.'จ้องล้มรัฐ
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกลุ่มจ้องล้มรัฐบาลที่มีบุคคลชื่อย่อว่า ส. มาเกี่ยวข้อง ว่า หลังจากประชุมร่วมกับชุมสืบสวนของสันติบาล เพื่อวิเคราะห์หาข้อเท็จจริง ยืนยันว่ามีตัวตนจริง ปัจจุบันทำข่าวอยู่ ซึ่งเป็นกลุ่มเดียวกับที่เคลื่อนไหวยึดสนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อปี 2549 และกลุ่มหน้ากากขาวที่จะออกมาเคลื่อนไหวกดดันรัฐบาลในวันที่ 6 มิ.ย.นี้ ก็มีความเชื่อมโยงกัน ซึ่งรัฐบาลก็ได้มีการเตรียมการรับมือไว้แล้ว ยืนยันว่าไม่ใช้ความรุนแรง
"กรณีที่ม็อบต่างจังหวัด จะเข้ามาชุมนุมเคลื่อนไหวที่กรุงเทพมหานคร ภายหลังจากที่ได้ประชุมระดับผู้บังคับการตำรวจ และผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งได้กำชับให้ผู้ว่าราชการจังหวัด เข้าไปดูแลความเดือดร้อนของประชาชน หากผู้ว่าราชการจังหวัดใดละเลย บกพร่องต่อหน้าที่ ตนจะรายงานต่อนายกรัฐมนตรี เพื่อพิจารณาต่อไป" ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ม็อบการเมืองจะมีจำนวนเยอะขึ้นหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม ระบุว่า ม็อบจะมีจำนวนเยอะ
โดยศูนย์กลางของกลุ่มเคลื่อนไหวนั้น มีเซ็นเตอร์ใหญ่กลุ่มเดียว และแตกเซลล์ออกไปเป็นจำนวนมาก และขณะนี้มองว่ายังไม่มีเงื่อนไขในการชุมนุม และไม่มีความรุนแรงที่จะนำไปสู่การปฏิวัติ เหมือนอย่างที่หนังสือพิมพ์บางฉบับได้วิเคราะห์ พร้อมระบุว่า ทหารยืนยันว่าไม่มีการปฏิวัติ รัฐบาลจับทางไว้หมดแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ประเมินสถานการณ์การเมืองในครึ่งปีหลังไว้อย่างไร ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ครึ่งปีหลังจะมีความเรียบร้อย กรณีร่าง พรบ.กู้เงิน 2 ล้านล้าน ขณะนี้เป็นเรื่องกรรมาธิการสภา ส่วนเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หากศาลรัฐธรรมนูญไม่ให้แก้ ก็ไม่แก้มาว่ากันไป ต้องทำสถานการณ์ร้อนๆให้เป็นปกติ ส่วนกรณี พรบ.ปรองดอง ถ้าจังหวะไม่ดีก็งดพิจารณา ด้าน พรบ.นิรโทษกรรม เมื่ออยู่ในวาระ 1 ของการพิจารณาก็ให้พิจารณาต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้ามีกลุ่มหน้ากากขาว ไปชุมนุมประท้วงการประชุม คณะรัฐมนตรีสัญจรที่ จังหวัดกำแพงเพชร รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มาตรการรักษาความปลอดภัยก็เป็นไปตามปกติ เจ้าหน้าที่จะดูแลอย่างเรียบร้อย
ทั้งนี้ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉินในช่วงบ่ายวันนี้ว่า จะมีการพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องสถานการณ์ภาคใต้ แต่ไม่ได้มีการพูดคุยถึงกรอบที่จะนำไปเจรจาพูดคุยกับกลุ่มบีอาร์เอ็น เพราะคณะกรรมการที่ดูแลเรื่องนี้ได้ดำเนินการไว้แล้ว หากการเจรจาไม่เป็นผลระหว่าง กลุ่มนายฮัสซัน ตอยิบ แกนนำบีอาร์เอ็น ก็ต้องเปลี่ยนกลุ่มเจรจาใหม่ ซึ่งเรื่องดังกล่าวจะต้องหารือกับกองทัพทั้งหมด เพราะเป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องที่รับผิดชอบในเรื่องนี้และรู้รายละเอียดในพื้นที่ดีที่สุด
"ในการเจรจา ทางกลุ่มบีอาร์เอ็นหากไม่คืบหน้า ทางกลุ่มบีอาร์เอ็นก็จะถูกกดดันโดยรัฐบาลมาเลเซียแน่นอน อย่างไรก็ตาม ร.ต.อ.เฉลิม ได้มอบอำนาจให้ พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รอง ผบ.ทบ.มีอำนาจในการดำเนินการอย่างเต็มที่ โดยยึดนโยบาย 3 ข้อหลัก ได้แก่ 1.ผู้ที่ได้รับความไม่เป็นธรรมให้ร้องเรียนมา 2.หมายจับไม่เป็นธรรม ร้องเรียนมา จะดำเนินการถอนหมายจับให้ และ 3. การยกเลิก พรก.ฉุกเฉิน จะต้องอยู่บนเงื่อนไขที่ทำให้หมู่บ้านสงบเป็นปกติ" ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว