พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการ สมช. เปิดเผยถึงการทำงานในหน้าที่หลังศาลปกครองกลางเพิกถอนคำสั่งนายกรัฐมนตรีโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี จากเลขาฯสมช.ไปดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกฯว่าการทำงานยังเป็นไปตามปกติ ไม่มีอะไรหวั่นไหว ขึ้นอยู่กับนายกฯและรัฐบาลตัดสินใจ
เรื่องที่เกิดขึ้นต่างฝ่ายต่างใช้สิทธิของตัวเอง ตนเองมีหน้าที่ปฏิบัติตามคำสั่ง ส่วนที่ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ บอกว่าตำแหน่งเลขาฯสมช.เทียบเท่าเสมียนรัฐบาลนั้น พล.ท.ภราดร กล่าวว่า เป็นทัศนะของร.ต.อ.เฉลิม อยู่ที่ความเชื่อมั่นระหว่างผู้บังคับบัญชาและผู้ปฏิบัติงาน
ถามว่าการเปรียบเทียบอย่างนี้ ทำให้รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจหรือไม่นั้น ไม่รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ ปัจจุบันรัฐบาลมอบหมายให้ทำงานอย่างเต็มที่ และหากมีการเปลี่ยนตัวเลขาฯสมช.จริงก็เชื่อว่าไม่กระทบการเจรจาและกระทบต่อการแก้ไขปัญหาภาคใต้
เพราะรัฐบาลถือว่าเป็นนโยบายที่ต้องเดินหน้าต่อ ส่วนกรณีพรรคประชาธิปัตย์เสนอทีมเจรจาบีอาร์เอ็นหาข้อสรุปประเด็นเจรจาฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ก่อนจะไปหารือกับบีอาร์เอ็นวันที่ 13 มิ.ย.นั้น เลขา สมช. กล่าวว่า ที่ผ่านมามีการพูดคุยในกลุ่มเล็กก่อนอยู่ตลอด มาตกผลึกในกลุ่มที่มีตนเป็นหัวหน้าทีม จากนั้นนำเข้าที่ประชุม ศปก.กปต. ก่อนที่จะไปเจรจา รวมถึงพูดคุยพล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา ผบ.ทบ. ทุกครั้ง
เพื่อวางกรอบการเจรจา รวมถึงครั้งนี้ทางกองทัพได้ให้กรอบการเจรจามาแล้ว นอกจากนี้ ร.ต.อ.เฉลิม ในฐานะผู้อำนวยการ ศปก.กปต. ก็เสนอแนวทางมาเป็นระยะๆ
เมื่อถามว่าสถานการณ์ภาคใต้ที่ยังรุนแรงอยู่ แสดงว่าการเจรจาทุกครั้งบีอาร์เอ็นไม่ได้ตอบสนองของเรียกร้องฝั่งไทยหรือไม่ พล.ท.ภราดร กล่าวว่า ปัญหาตรงนี้นำไปสู่การพูดคุยวันที่13 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวถามว่า ใกล้การพูดคุยมีรายงานข่าวหรือไม่ว่าทางบีอาร์เอ็นจะมีการยื่นเงื่อนไขผ่านทางยูทูปหรือผ่านช่องทางอื่นอะไรหรือไม่ พล.ท.ภราดร กล่าวว่า ตอนนี้กำลังดูสถานการณ์