'อภิสิทธิ์' ไม่แปลกใจ 'เพื่อไทย' เสนอ กม.ปรองดองของ 'เฉลิม' เข้าสภา ชี้เป้าหมายเอื้อ 'แม้ว' เชื่อไม่มีใครเปลี่ยนความจริงมือเผาเซ็นทรัลเวิร์ลได้
23 พ.ค.56 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงนายพีระพันธ์ พาลุสุข สส.ยโสธร พรรคเพื่อไทย ยื่นร่างกฎหมายปรองดองของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี เข้าสภา ว่า ไม่รู้สึกแปลกใจเพราะเป็นผลประโยชน์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ขณะที่อีกส่วนก็สนับสนุนร่างกฎหมายนิรโทษกรรมของ นายวรชัย เหมะ สส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นเกม 2 หน้าของรัฐบาล ตนเชื่อว่าประชาชนก็มองออก มีแต่ในหมู่เสื้อแดงที่ไม่สนับสนุนร่างของ ร.ต.อ.เฉลิม ก็อาจจะกดดัน แต่สุดท้ายแล้วก็คงพยายามหาคำตอบให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ดี ส่วนจะผลักดันให้นำมารวมกันพิจารณา 2 ฉบับหรือไม่สังคมต้องจับตาและตรวจสอบ เพราะถ้า ร.ต.อ.เฉลิม อ้างว่า กฎหมายสองฉบับนี้ไม่สามารถนำมาพิจารณารวมกันได้เพราะหลักการต่างกันนั้น ตนก็จะได้อ้างในเวลาที่มีการเสนอให้พิจารณารวมกันว่าทำไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ตนเห็นว่าเวลาที่ ร.ต.อ.เฉลิม เพลี่ยงพล้ำ เช่น ยอมรับว่าเป็นกฎหมายการเงิน ตอนนี้ก็พยายามแก้ไขไม่ให้เป็นกฎหมายการเงิน
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า แม้จะตัดมาตรา 5 ออกไป กฎหมายดังกล่าวก็ยังเป็นกฎหมายการเงิน
เนื่องจากในมาตรา 4 ที่ยกเลิกคดีของคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.)ทั้งหมดเป็นการก่อให้เกิดสิทธิที่จะเรียกร้องต่อรัฐได้ ดังนั้นการเสนอกฎหมายนี้ต้องให้นายกรัฐมนตรีลงนาม แต่คาดว่าคงมีความพยายามที่จะตีความว่าไม่ใช่กฎหมายการเงิน เหมือนกับที่เคยมีปัญหาในการเสนอกฎหมายปรองดองที่ค้างอยู่ในสภาว่าไม่ใช่กฎหมายการเงินมาแล้ว
เมื่อถามว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ที่ประเทศญี่ปุ่นว่า
ปัญหาของประเทศไทยจะจบลงได้ด้วยการพูดคุยตามวิถีประชาธิปไตย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า กระบวนการประชาธิปไตยและกระบวนการยุติธรรม ต้องแยกแยะออกจากกัน ว่าเรื่องไหนใช้กระบวนการยุติธรรม เรื่องไหนใช้เสียงข้างมาก แต่ปัญหาของรัฐบาลในขณะนี้คือการไม่เป็นประชาธิปไตย แต่ใช้มวลชน อำนาจรัฐ ในการกดดัน และพยายามใช้เสียงข้างมากลบล้าง ซึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ อ้างถึงคำว่าประชาธิปไตยบ่อยครั้งก็อยากเรียกร้องให้มาปฏิบัติด้วย เพราะหากยังปล่อยให้ผู้สนับสนุนตัวเองข่มขู่คนอื่น เจ้าหน้าที่รัฐยังถูกใช้ไปข่มขู่ในทางการเมือง ทำให้บ้านเมืองเดินไปไหนไม่ได้ เพราะยังวนเวียนอยู่กับผลประโยชน์ของคนกลุ่มหนึ่ง และยังเป็นการสร้างมาตรฐานที่อันตราย ทั้งนี้ยังเชื่อว่า ยิ่งมีแรงกดดันมากขึ้นก็จะยิ่งทำให้เกิดการผนึกกำลังของคนที่ไม่ยอมให้สิ่งที่ไม่ถูกต้องเข้ามาครอบงำมีเพิ่มมากขึ้น
นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม เตรียมรายงานสหประชาชาติว่า
ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองของไทยไม่เป็นไปตามหลักสากลเพราะพิจารณาศาลเดียว ว่า การรายงานตามสนธิสัญญาก็ต้องรายงานตามข้อเท็จจริง ซึ่งการเคลื่อนไหวครั้งนี้ก็เป็นความพยายามที่จะรุกคืบกดดันเพื่อไปสู่จุดที่เป็นเป้าหมายคือ ประโยชน์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ดังนั้นคนที่ก้าวไม่พ้น พ.ต.ท.ทักษิณ ก็คือรัฐบาล
นายอภิสิทธิ์ ยังแสดงความยินดีกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ได้รับการจัดอันดับจากนิตยสารฟอร์บส์ให้เป็นผู้ทรงอิทธิพลอันดับที่ 31 ของโลก โดยขอให้ใช้อิทธิพลนั้นเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนไทย