นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ พร้อมด้วย นายขจิตร ชัยนิคม โฆษกคณะกรรมาธิการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 68 และมาตรา 237 แถลงข้อยุติการพิจารณาร่างกฎหมายดังกล่าวว่า มีการแก้ไขในมาตรา 3 ด้วยมติเสียงส่วนใหญ่ 22 เสียง ให้ยกเลิกความในมาตรา 68 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และเพิ่มเติมข้อความที่กำหนดให้บุคคลสามารถใช้สิทธิเสรีภาพตามหมวด 3
เพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศ
โดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทาง ที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญมิได้ โดยผู้ที่ทราบการกระทำมีสิทธิ์เสนอเรื่องให้อัยการสูงสุดตรวจสอบข้อเท็จจริง เมื่อเห็นว่าการกระทำดังกล่าว ให้อัยการสูงสุด ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัย สั่งเลิกการกระทำดังกล่าว แต่หากเห็นว่าการกระทำไม่เข้าข่าย อัยการสูงสุดสามารถมีคำสั่งยุติเรื่องได้
ซึ่งอัยการสูงสุดมีเวลาตรวจสอบข้อเท็จจริงในเวลา 30 วัน นับตั้งแต่วันที่รับเรื่อง ทั้งนี้ หากอัยการสูงสุด ไม่สามารถตรวจสอบข้อเท็จจริงภายในระยะเวลาที่กำหนด ผู้ทราบการกระทำมีสิทธิ์เสนอเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยสั่งการได้โดยตรง
ขณะที่ มาตรา 237 ว่าด้วยการยุบพรรค ให้คงตามร่างแก้ไขเดิม ในการยกเลิกโทษยุบพรรคการเมือง และคืนสิทธิการเลือกตั้งให้กับ ส.ส. และกรรมการบริหารพรรคการเมือง ที่เคยถูกวินิจฉัยให้ถุกยุบพรรคการเมือง และถูกตัดสิทธิ์ทางการเลือกตั้ง