ไอทีวี โต้ มัลลิกา ฉวยจังหวะเหยียบหัวเพื่อน

ไอทีวีโต้´มัลลิกา´ฉวยจังหวะเหยียบหัวเพื่อน รับมีจุดอ่อนตรวจสอบ´ทักษิณ´


"ไอทีวี" โต้กลับ "มัลลิกา" ฉวยจังหวะเรือล่มเหยียบหัวเพื่อนหาลู่ทางให้ตัวเอง ยอมรับจุดอ่อนตรวจสอบ "รัฐบาลทักษิณ" ย้อนถามเพื่อนร่วมวงการสื่อ กล้าตรวจสอบรัฐบาลทหารหรือเปล่า

นายจอม เพชรประดับ ผู้ช่วยบรรณาธิการบริหาร สถานีโทรทัศน์ไอทีวี กล่าวถึงกรณี น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล อดีตผู้ดำเนินรายการร่วมมือร่วมใจทางสถานีโทรทัศน์ทีไอทีวีประกาศลาออกพร้อมชู 23 กบฎไอทีวีว่า เป็นสิทธิ์ของ น.ส.มัลลิกา ที่จะออกมาพูดหรือแสดงความคิดเห็น

เพราะขณะนี้ไอทีวีได้เลิกจ้างพนักงานทุกคน และอยู่ภายใต้การดูแลของกรมประชาสัมพันธ์ ซึ่งเท่ากับว่าทุกคนเท่าเทียมกัน ดังนั้นการที่พนักงานบางคนที่ถูกเลิกจ้างจะแสดงออกอะไร ก็เป็นสิทธิ์และไม่ได้อยู่ในความสนใจ


โดยเฉพาะกรณีของ น.ส.มัลลิกา


ถ้าการกระทำดังกล่าวไม่ได้กระทบต่อองค์กร ส่วนกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์การดูดเสียงของ น.ส.มัลลิกา ขณะประกาศลาออกกลางรายการร่วมมือร่วมใจนั้น นายจอม กล่าวว่า ไม่ทราบว่าข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องเทคนิคเป็นอย่างไร ยังไม่ได้มีการตรวจสอบ เบื้องต้นเข้าใจว่าเป็นระบบที่เจ้าหน้าที่ต้องคอยระมัดระวังการออกอากาศอะไรที่จะกระทบต่อองค์กร

ส่วนในเรื่องการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบพฤติกรรมของ น.ส.มัลลิกานั้น เป็นเรื่องส่วนบุคคลที่พนักงานภายในองค์กรเห็นว่าอะไรไม่ถูกต้องไม่เหมาะสมมีผลกระทบกับองค์กรก็ต้องมีการตรวจสอบ เพื่อให้คลายสงสัย เป็นเรื่องปกติ

เมื่อ น.ส.มัลลิกา มีพฤติกรรมที่น่าสงสัยกับองค์กรภายใน จึงต้องมีการตรวจสอบเป็นเรื่องธรรมดา วันนี้ไอทีวีจบแล้วทุกอย่างก็จบ และการที่ น.ส.มัลลิกา ออกมาแถลงข่าว ทางผู้บริหารของไอทีวีเห็นว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่ และจะไม่ออกมาตอบโต้ เพราะน.ส.มัลลิกา เป็นเพียงแค่อดีตคนไอทีวีเท่านั้น

เมื่อถามว่า น.ส.มัลลิกา ออกมาแถลงชูกบฎไอทีวี และไม่เห็นด้วยกับแนวทางของไอทีวีที่ให้รัฐบาลอุ้ม เหมือนกับเป็นการตอกย้ำว่าไอทีวีได้กระทำผิดไม่ต่างจากการรับใช้ระบอบทักษิณหรือไม่ นายจอม กล่าวว่า ไม่คิดว่า น.ส.มัลลิกา หักหลังอะไร เพราะไม่ได้คาดหวัง และเพื่อนในวงการสื่อคงรู้เบื้องหลังของน.ส.มัลลิกาดี ขณะนี้สังคมควรใช้ดุลพินิจในการพิจารณา


"ไอทีวีจะไม่ไปตอบโต้อะไรกับกรณีของคุณมัลลิกา


เพราะได้กลายเป็นอดีตพนักงานไอทีวีไปแล้ว และมองว่าเป็นเรื่องธรรมดา เมื่อไอทีวีที่เปรียบเหมือนเรือกำลังล่มสลาย ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่มีคนบางคนที่จะใช้โอกาสนี้ในการเหยียบหัวคนอื่น เพื่อตะกายไปสู่ความฝันหรือเป้าหมายที่ตัวเองอยากเป็น

จึงเริ่มเสาะแสวงหาลู่ทาง ซึ่งตรงนี้เป็นเรื่องที่สังคมควรช่วยดูว่าอดีตของคนคนนี้คืออะไร ซึ่งการที่จะรู้เป้าหมายหรือนัยของคนคนหนึ่งที่กำลังทำอะไรอยู่นั้น ต้องดูจากประวัติและอดีต" นายจอม กล่าวและว่า

เพราะคำพูดที่อ้างว่ามีจุดยืนหรือจรรยาบรรณ ไม่อาจรับประกันได้ว่าจะเป็นอย่างที่พูดจริงหรือไม่

ผู้ช่วยบรรณาธิการบริหาร สถานีโทรทัศน์ไอทีวี กล่าวว่าใ นส่วนของพวกเรา จะขอเดินหน้าพิสูจน์ต่อไป ถ้าจะตายขอตายอย่างสมเกียรติ เพราะวันนี้พวกเราก็เหมือนกับคนตกงาน ที่ไปรับจ้างทำงานโดยไม่รับค่าจ้าง เป็นการทำเพื่อประชาชน แม้จะเจ็บปวด

แต่ก็ต้องทำงานเพื่อสัญญาประชาคม ทั้งที่รู้ชะตากรรมตัวเองว่ากรมประชาสัมพันธ์อาจจะไม่ให้งบ 90 ล้านบาทมาสนับสนุน ซึ่งเราเองก็ยอมรับว่าเรามีจุดอ่อนในการตรวจสอบอดีตรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร

"ถ้ามองกันอย่างยอมรับความจริง ต้องย้อนถามว่าวินาทีนี้สื่อคนไหนบ้างที่กล้าคานกับรัฐบาลทหาร ซึ่งตรงนี้ก็ Same Thing สื่อก็ต้องแฟร์ จะมาโทษกันไม่ได้ วันนี้นักข่าวทุกคนต้องตรวจสอบรัฐบาลอย่างจริงจังและช่วยกันปฏิรูปการเมือง" ผู้ช่วยบรรณาธิการบริหาร สถานีโทรทัศน์ไอทีวี กล่าว

สำหรับความคืบหน้าการย้ายที่สำนักงานไปอยู่กรมประชาสัมพันธ์ ถนนเพชรบุรี นั้น นายจอมกล่าวว่า ได้มีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาเตรียมย้ายโดยคาดว่าจะสามารถย้ายได้ภายใน 30 วัน และสามารถออกอากาศได้อย่างต่อเนื่อง


"มัลลิกา" ใช้ห้องประชุม14 ตุลาแถลงแนวคิดจัดตั้งทีวีสาธารณะ


เมื่อเวลา 13.00 น. ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล อดีตผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์ไอทีวี และนายสุรพล ศรีวิทยา อาจารย์วิทยาลัยนวตกรรม มหาวิทยาลัยรังสิต ร่วมกันแถลงข่าว ถึงทิศทางการก่อตั้งสถานีโทรทัศน์ให้เป็นสื่อสาธารณะโดยไม่ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลครอบงำของกลุ่มทุนและรัฐบาล

น.ส.มัลลิกา กล่าวว่า ไอทีวีเป็นข้อพิพาททางสังคมมานานหลายรัฐบาล แม้รัฐบาลจะพยายามเข้ามาแก้ไขแต่ก็ไม่เป็นผล ตรงกันข้ามหลายรัฐบาลกับพยายามเข้ามาหาประโยชน์จากสถานี จนทำให้ไอทีวีไม่ได้ เป็นสื่อเสรีตามเจตจำนงค์ของวีรชนในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ

ดังนั้นเพื่อไม่ให้วิกฤติการณ์ของไอทีวีเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก จึงขอเรียกร้องให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) และกรมประชาสัมพันธ์ กำหนดอนาคตไอทีวีโดยไม่มีวาระซ่อนเร้นและคาดหวังให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องแสดงความบริสุทธิ์ใจร่วมกับสังคมวงกว้างในการกำหนดอนาคตไอทีวี บนแนวทางของการปฏิรูปสื่อให้เป็นทีวีเสรีอย่างแท้จริง

"ดิฉันในฐานะพนักงานไอทีวี ต้องการเพียงได้มีส่วนร่วมในการปฏิรูปสื่อให้ได้สถานีโทรทัศน์ที่รายงานข้อเท็จจริงอย่างมีเสรี โดยดิฉันขอแสดงความบริสุทธิ์ใจ และตั้งใจจริงด้วยการขอพ้นสภาพจากการเป็นพนักงานไอทีวี และจะนำเงินชดเชยจากการเลิกจ้างจำนวน 5 หมื่นบาทมาจัดเป็นกองทุนเพื่อการปฏิรูปสื่อ" น.ส.มัลลิกา กล่าวและว่า


โดยโมเดลทีวีสาธารณะที่ได้ศึกษามาเบื้องต้นควรจัดตั้งเป็นบริษัมมหาชนแห่งชาติไอทีวี


ให้ สปน.นำเงินค่าสัมปทาน และค่าปรับทั้งหมดจากไอทีวีมาจัดตั้งเป็นกองทุน เป็นบรรษัทมหาชนแห่งชาติไอทีวี เพื่อใช้ทุนฟื้นฟูกิจการให้ไอทีวีเป็นทีวีสาธารณะที่อิสระอย่างแท้จริง

นายสุรพล กล่าวว่า 10 ปีของการก่อตั้งไอทีวี ตนพบว่าจิตวิญญานของวีรชนมาจุติผิดที่ ครั้งแรกไปจุติที่สัมปทานภาคเอกชนแล้วก็เปลี่ยนมาอยู่กับสปน.และกรมประชาสัมพันธ์ ดังนั้นในวันที่ 13 มีนาคมนี้ วิทยาลัยนวตกรรมขอจัดเวทีสาธารณะเพื่อระดมความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนถึงแนวทางการจัดตั้งทีวีสาธารณะอย่างแท้จริง

ผู้สื่อข่าวถามว่าเหตุใดจึงไม่เชื่อมั่นว่ารัฐบาลจะทำไอทีวีให้เป็นสื่อสาธารณะ น.ส.มัลลิกา กล่าวว่า ตนเคารพคุณหญิงทิพาวดี เมฆสวรรค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แต่ที่ผ่านมายังไม่เห็นความชัดเจนกรณีของไอทีวีไม่มีสัญญาประชาคม ไม่มีความจริงใจและความตั้งใจจริงที่จะให้เป็นทีวีสาธารณะ มีแต่การประกาศว่าจะตั้งกรรมการขึ้นมาบริหารไอทีวี

ซึ่งเป็นคำพูดที่เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ที่ผ่านมาก็เปลี่ยนแปลงมาแล้วจากคำว่า "ขอโทษ" ตนจึงเห็นว่าการทำหน้าที่ในไอทีวีต่อไปจะไม่ได้ผลอย่างที่ตั้งใจ จึงตัดสินใจมาผลักดันให้มีการจัดตั้งทีวีสาธารณะ

ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า สาเหตุที่ลาออกเป็นเพราะออกมาจัดรายการเองโดยที่ผู้บริหารไม่อนุญาตใช่หรือไม่ น.ส.มัลลิกา กล่าวว่าไม่จริง ตนลาออก เพราะอยากเห็นทีวีที่ตัวเองทำงานอยู่ไปในทิศทางที่ถูกต้อง

รวมทั้งปฏิเสธด้วยว่าไม่มีการเจรจาที่จะเข้าไปทำงานกับสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 และไม่ได้จัดตั้งบริษัทผลิตรายการป้อนให้กับช่อง 3 ร่วมกับนายสุริยะใส กตะศิลา โดยยืนยันว่านายสุริยะใส เป็นเพียงรุ่นพี่ปริญญาโท สำหรับสถานีเอเอสทีวี ก็ไม่มีความคิด จะไปร่วม งานด้วย เพราะเท่าที่ทราบเขายังไม่มีเงินจ่ายให้ช่างแต่งหน้าเลย แล้วจะจ้างตนเป็นพนักงานได้อย่างไร


เครือข่ายพันธมิตรฯโห่ไล่ "มัลลิกา" สร้างภาพ


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจาก น.ส.มัลลิกา พูดจบ กลุ่มประชาชนเครือข่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่มาฟังการแถลงข่าวของ น.ส.มัลลิกา จนเต็มห้องประชุม ได้แสดงความไม่พอใจโห่ฮาและต่อว่า น.ส.มัลลิกา ว่า เป็นการแถลงข่าวที่สร้างภาพ ประชาชนต้องการฟังข้อเท็จจริงว่า ไอทีวีทำผิดสัญญาอย่างไรจึงต้องถูกยึดสัมปทาน ไม่ใช่มาพูดเอาดีเข้าตัว

พร้อมทั้งเรียกร้องให้ น.ส. มัลลิกา ชี้แจงข้อเท็จจริงที่พนักงานไอทีวีเคลื่อนไหวกดดันรัฐบาล จนรัฐบาลต้องนำเงินภาษีประชาชนไปอุ้มไอทีวี แต่ น.ส.มัลลิกา ก็หลีกเลี่ยงไม่ชี้แจงเรื่องการผิดสัญญาของไอทีวีและการเป็นสถานีโทรทัศน์ที่ถูกแทรกแซงโดยบริษัทชินคอร์ปฯ

โดยอ้างว่าเป็นข้อเท็จจริงที่ถูกสังคมตรวจสอบอย่างละเอียดแล้ว จึงไม่ขอย้อนอดีต นอกจากนี้กรณีไอทีวี ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาชัดเจนให้ไอทีวีจ่ายค่าสัมปทานและค่าปรับ

"เรื่องการแทรกแซงสื่อครั้งนี้ดิฉันเคยไม่เข้าใจ 23 กบฏไอทีวี ซึ่งวันนี้สังคมได้รับคำตอบแล้วว่าสิ่งที่พวกเขาทำน่ายกย่อง แม้ดิฉันเคยไปเป็นพยานคดีกบฏไอทีวีแต่ก็ได้ให้การยืนยันเฉพาะในส่วนตัวที่รายงานข่าวจากจังหวัดชลบุรี

โดยไม่ถูกแทรกแซงในส่วนอื่นๆ ที่ไม่รู้ข้อเท็จจริง ก็ไม่เคยพูดที่จะนำตัวเองไปเทียบเคียงกับ 23 กบฏ แต่การเดินไปข้างหน้า เพื่อกำหนดอนาคต เป็นสิ่งที่ทุกคนควรจะคิด"น.ส.มัลลิกา กล่าวและว่า

ส่วนการดำเนินการกับผู้บริหารไอทีวีนั้น คงเป็นหน้าที่ของผู้บริหารชุดใหม่ ดิฉันคงไม่สามารถทำได้โดยลำพัง จึงต้องขอรับฟังความเห็นจากทุกฝ่ายก่อน" น.ส.มัลลิกา กล่าว


ผู้สื่อข่าวถามว่าสาเหตุที่เพิ่งเคลื่อนไหวเป็นเพราะรอให้ได้รับเงินค่าชดเชยก่อนหรือไม่


น.ส. มัลลิกา กล่าวว่า การที่ดิฉันไม่ออกไปร่วมเคลื่อนไหวกดดันรัฐบาล ถือเป็นการประกาศตัวชัดว่า ดิฉันไม่เห็นด้วยกับแนวทางดังกล่าว ไม่เกี่ยวข้องกับเงินค่าชดเชย แต่ลำพังดิฉันคนเดียวไม่สามารถชี้นำ หรือกำหนดทิศทางให้กับพนักงานไอทีวีได้ โดยในช่วง 2-3 วันที่มีการกดดันรัฐบาลอย่างหนัก ดิฉันก็ป่วยหนักไอเป็นเลือดจนต้องเข้าโรงพยาบาล

"ขอฝากไปถึงเพื่อนไอทีวีว่าทุกคนมีสิทธิและอิสระในความคิด แม้ดิฉันจะคิดไม่เหมือนกับคนอื่นในไอทีวี แต่ก็ไม่เคยคิดร้าย และไม่คิดจะแฉเพื่อนๆ ในการแถลงข่าวอย่างที่ทุกคนระแวง 3-4 วันที่ผ่านมามีคนขับรถตามประกบดิฉันไปทุกที่ แม้แต่การแถลงข่าววันนี้ก็ได้รับคำเตือนว่าจะมีม็อบจัดตั้ง สำหรับดิฉันขอประกาศตรงนี้ว่าจะไม่คิดลงสมัคร ส.ส.อีก แต่จะขอเป็นนักสื่อสารมวลชนเท่านั้น" น.ส.มัลลิกา กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายหลังประกาศปิดการแถลงข่าว กลุ่มพันธมิตรฯ ที่ผิดหวังในการรับฟังคำชี้แจงของ น.ส.มัลลิกา ยังคงแสดงความไม่พอใจและตำหนิว่าเป็นตอบคำถามไม่ตรงประเด็น เป็นการแถลงข่าวแบบนักการเมือง พูดเอาดีใส่ตัว และต่างจับกลุ่มตระโกนด่าทออย่างไม่ลดละและเรียกร้องให้ น.ส. มัลลิกา ขอโทษรัฐบาลที่เข้าไปช่วยเหลืออย่างเต็มที่ทำให้พนักงานไอทีวี ได้รับทั้งเงินค่าชดเชยและเงินเดือนใหม่

แต่ น.ส.มัลลิกา กลับมองว่ารัฐบาลเข้ามาแทรกแซงซึ่งไม่ถูกต้อง จากนั้น น.ส.มัลลิกา จึงได้เดินออกจากห้องแถลง แต่ปรากฎว่ารถของเธอได้ถูกเจ้าหน้าที่ล็อคล้อเพราะจอดรถในที่ห้ามจอด



ขอขอบคุณ : ข้อมูลข่าวที่มีคุณภาพ

จาก หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์