แม้วสไกป์กล่อมส.ส.ชนศาลรธน.
'แม้ว' สไกป์ กล่อม ส.ส.อย่ากลัว หลังพท.มีมติไม่ส่งคำชี้แจงต่อศาลรธน.
เต็มที่แค่ยุบสภา จับตาส.ส.หลังข้อมูลรั่วถี่ เปิดเบื้องหลังสคริปต์ปาฐกถา'ปู'
1พ.ค.2556 จากกรณีที่ประชุมพรรคเพื่อไทยวันที่ 30 เมษายน มีมติไม่ส่งคำชี้แจงไปยังศาลรัฐธรรมนูญ แต่จะใช้วิธีส่งจดหมายเปิดผนึก ปฏิเสธอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญแทน รวมทั้งจะส่งจดหมายเปิดผนึกดังกล่าวไปยังประชาชนและองค์กรอิสระทุกแห่ง ยกเว้นศาลรัฐธรรมนูญ โดยคาดว่าจะส่งได้ภายในสัปดาห์นี้นั้น
"แม้ว" สไกป์กล่อม ส.ส.อย่ากลัว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในที่ประชุม ส.ส.พรรคเพื่อไทย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้สไกป์มายังห้องประชุมช่วงหนึ่งว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ได้เป็นการล้มล้างระบอบประชาธิปไตย การแก้ไขมาตรา 68ไม่ได้ตัดสิทธิประชาชน ยังมีสิทธิร้องได้แต่เรื่องไปอัยการสูงสุดก่อนก็เท่านั้น วันนี้ ส.ส.ทุกคนต้องร่วมกันแสดงจุดยืนเพื่อเป็นหลักให้แก่บ้านเมือง การแก้ไขรัฐธรรมนูญตอนแรกก็แก้ไม่ได้ มาคราวนี้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญนั่งพิจารณากันเพียง 5 คน แล้วก็รับเรื่องไว้อีก เห็นได้ชัดว่าเป็นการละเมิดหลักการแบ่งแยกอำนาจ พวกเราทุกคนต้องใกล้ชิดประชาชน พร้อมทุกสถานการณ์ อย่าไปกลัวการเลือกตั้ง เกิดอะไรขึ้นก็ยุบสภา เลือกตั้งใหม่ เราถอยมามากแล้ว วันนี้ต้องเป็นหลักให้บ้านเมือง
พ.ต.ท.ทักษิณยังกล่าวถึงร่างพ.ร.บ.ปรองดอง ของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ด้วยว่าได้คุยและขอบคุณ ร.ต.อ.เฉลิม แล้ว จะทำอะไรก็ควรทำให้มันสุดซอย ร่างของนายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ นั้น เหมือนเดินไปครึ่งๆ กลางๆ มันไม่สุดซอย เมื่อจะทำแล้วก็ทำให้มันสุดซอย แต่ถ้าจะให้เร่งเอาเข้าสมัยประชุมวิสามัญ 3 วาระรวดนั้น ตนไม่เห็นด้วย จะถูกฝ่ายค้านโจมตีอีก ขณะนี้ยังไม่มีการชี้แจงเหตุผลและรายละเอียดทั้งหมด อยากให้เอาเข้าสมัยประชุมหน้า ไม่เป็นอะไร ตนรอได้ ทั้งนี้ ขอให้ ส.ส.สามัคคีกันไว้ ให้นึกถึงตนบ้าง ยังลอยคอในทะเล อย่าให้ลอยคอนาน มันหนาว จะเป็นปอดบวมตายอยู่แล้วอยากกลับบ้าน ฝากบอกพรรคประชาธิปัตย์ว่าไม่ต้องกังวล กลับมาแล้วไม่ได้ประสงค์อะไร ไม่ขอมีตำแหน่งอะไร ไม่เอาแล้ว ปล่อยให้นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ที่ยังแข็งแรงอยู่บริหารไป ท่านก็เก่งแล้ว ส่วนตนอายุมากแล้ว ขอใช้สมองช่วยงานอยู่ข้างหลัง
จับตาส.ส.หลังข้อมูล"แม้ว"สไกป์รั่วถี่
ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคเพื่อไทยว่า นับตั้งแต่พ.ต.ท.ทักษิณ สไกป์เข้ามาพูดคุยในที่ประชุม ส.ส.พรรคเพื่อไทย ทุกวันอังคารนั้น ปรากฏว่าหลายครั้งที่เนื้อหาในที่ประชุมหลุดออกไปถึงบุคคลภายนอกขณะที่บางครั้งเนื้อหาแทบจะเป็นการถอดคำพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณ แบบคำต่อคำ ดังนั้น ล่าสุดแกนนำพรรคจึงได้ขอความร่วมมือจากตำรวจสันติบาล ให้มาเฝ้าระวัง ส.ส.บางคน ที่อยู่ในข่ายต้องสงสัย ผ่านระบบกล้องวงจรปิด รวมทั้งยังให้ตำรวจสันติบาลอีกกลุ่มหนึ่ง เข้าไปปะปนกับ ส.ส.เพื่อคอยสังเกตพฤติกรรมทั้งก่อนและระหว่างการประชุมของ ส.ส.ด้วย ทั้งนี้ เบื้องต้นมีการคาดโทษไว้ด้วยว่า หากพรรครู้ว่าเป็น ส.ส.คนไหนนั้น ครั้งแรกจะเรียกไปว่ากล่าวตักเตือน แต่หากยังไม่หยุดพฤติกรรมก็จะส่งให้ พ.ต.ท.ทักษิณพิจารณา ซึ่งอาจจะมีผลถึงการพิจารณาส่งหรือไม่ส่งลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ในสมัยหน้า
ส่วนกรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวปาฐกถาในการประชุมประชาคมประชาธิปไตยที่ประเทศมองโกเลีย และมีการพาดพิงการทำงานขององค์กรอิสระว่ามีการใช้อำนาจเกินขอบเขต แหล่งข่าวจากศาลรัฐธรรมนูญ ได้ปฏิเสธที่จะให้ความคิดเห็นในเรื่องนี้ เพราะไม่ต้องการให้เกิดเป็นประเด็นตอบโต้กันไปมา หากมีการตอบโต้หรือไปแสดงความคิดเห็นก็อาจถูกหยิบยกไปประเด็นทางการเมืองได้อีก
เปิดเบื้องหลังสคริปต์ปาฐกถานายกฯ
ส่งผลมีการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง และมีการตั้งคำถามว่า "สคริปต์นี้ นายกฯ เขียนเองหรือไม่" โดยแหล่งข่าวระดับสูงที่ร่วมเดินทางไปกับคณะนายกรัฐมนตรีที่มองโกเลีย เปิดเผยต่อ "สำนักข่าวเนชั่น" ว่า เมื่อช่วงเดือนกันยายนปี 2555 ในการประชุมงานเดียวกันนี้ จัดที่สหรัฐอเมริกา โดยมีการเชิญนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ ไปร่วมประชุม และมีการเชิญให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ มาปาฐกถาในปีหน้าหรือปี 2556 ในฐานะผู้นำประเทศ ที่มองโกเลียเป็นเจ้าภาพ ซึ่งน.ส.ยิ่งลักษณ์ก็ได้แจ้งตอบรับผ่านกระทรวงการต่างประเทศว่าจะเดินทางไปพูด
ส่วนเนื้อหาในการปาฐกถานั้น แหล่งข่าวเปิดเผยด้วยว่า ก่อนหน้านี้เนื้อหาไม่ใช่แบบนี้ เพราะก่อนเดินทางจะมีการประชุมเตรียมการก่อนไปเยือน และกระทรวงการต่างประเทศได้รับมอบหมายในการจัดทำร่างปาฐกถาของนายกฯ ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศได้สอบถามนายกฯ ว่าจะพูดเรื่องอะไร โดยนายกฯบอกว่าจะพูดเรื่องประชาธิปไตยในไทยและเรื่องการศึกษา ซึ่งนายกฯ ก็พูดแค่นั้น และหลังจากนั้นกระทรวงการต่างประเทศก็ส่งร่างปาฐกถา มาที่ตึกไทยคู่ฟ้า จำนวนเนื้อหาประมาณ 6-7 หน้ากระดาษขนาดเอ 4 และหลังจากนั้นคณะทำงานด้านการจัดทำสคริปต์ให้นายกฯ นำโดยนายสุรนันทน์ เวชชาชีวะเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ก็มีการปรับเนื้อหาให้กระชับขึ้นแล้วส่งให้นายกฯ ดู
"จนมาถึงวันที่ 27 เมษายน วันเดินทางเนื้อหาในปาฐกถาก็ยังไม่นิ่ง เห็นว่านายกฯ คุยกับคณะทำงานและนายสุรนันทน์ บนเครื่องบินระหว่างบินไปมองโกเลีย นายกฯ บอกให้แก้ไข อยากให้พูดให้เขียนให้ชัดเจน ตรงๆ ไปเลย ใส่ชื่อพี่ชายคือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรไปเลย รวมทั้งอยากให้พูดถึงคนที่ติดคุกจำนวนมากด้วยซ้ำ แต่ก็ถูกตัดออก ระหว่างการเดินทาง 5 ชั่วโมงบนเครื่องบินมีการแก้ไข แล้วก็ปริ๊นท์ด้วยเครื่องปริ๊นท์ไร้สาย (Portable) ปริ๊นท์แล้วก็แก้ ปริ๊นท์แล้วก็แก้ ในที่สุดจนได้เนื้อหาตามที่นายกฯ ต้องการคือไม่ใช่ภาษาทางการทูตและภาษาที่สวยงามของกระทรวงการต่างประเทศ" แหล่งข่าวกล่าว
ส่วนการส่งข่าวกลับมาที่ประเทศไทยนั้น แหล่งข่าวเล่าว่า ทีมงานของนายกฯ ได้ร่างเป็นภาษาอังกฤษ แล้วมอบให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบอีกครั้ง ทั้งนี้นายกฯ มีคิวขึ้นพูดในเวลา 08.30 น. ซึ่งเป็นเวลาที่มองโกเลีย แต่ที่ไทยคือ 07.30 น. จึงสั่งให้ทีมงานส่งเข้าอีเมลประจำตัวของผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบรัฐบาลอีเมลของสำนักข่าวสำนักต่างๆ ก่อนที่จะมีการยิงขึ้นเว็บไซต์ทำเนียบรัฐบาล 30 นาที เพราะหวังว่าผู้สื่อข่าวจะเห็นข่าวก่อนแล้วก็ยิงข่าวขึ้นเว็บและรายงานข่าว โดยนายกฯ ย้ำว่า ไม่ต้องแก้ไขให้เป็นภาษาข่าว ขอให้พูดอย่างไรก็ส่งไปตามทั้ง แต่ปรากฏว่าส่งอีเมลเร็วเกินไป ทำให้ผู้สื่อข่าวยังอาจจะไม่ตื่นมาเช็กเพราะเห็นข่าวออกอีกทีก็ช่วงสายๆ
"เมื่อนายกฯ ปาฐกถาจบ พอลงจากเวทีก็ถามทีมงานว่า ที่ไทยมีข่าวอัพหรือยัง พอนายกฯ รู้ว่ามีข่าวขึ้นแล้ว ก็ยิ้มและดีใจแล้วก็สอบถามว่า เขาพาดหัวในเว็บกันยังไงบ้าง ด้วยสีหน้าท่าทางที่อารมณ์ดีเป็นพิเศษ"
เครดิต : ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!