น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษ ในระหว่างการประชุมประชาคมประชาธิปไตย ที่มองโกเลีย ระบุว่า ประชาธิปไตยไม่ใช่เพียงแนวคิดหรืออุดมการณ์ แต่เป็นสิ่งที่ทั้งชายและหญิง ต้องสละเลือดและชีวิตเพื่อจะได้มา โดยได้ยกเรื่อง รัฐบาลของพี่ชาย ในสมัย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ที่ได้รับการเลือกตั้งอย่างถูกต้องตามกฎหมาย แต่กลับถูกรัฐประหารใน ปี 2549 ขึ้นมาเป็นอุทาหรณ์ความเจ็บปวดของครอบครัว
รวมไปถึง ต่อประชาชน ทำให้ประชาชนต้องลุกขึ้นต่อสู้เรียกร้องเพื่อให้ได้เสรีภาพคืนมา แต่ในเดือนพฤษภาคม ปี 2553 มีการสลายการชุมนุมของผู้เรียกร้องกลุ่มคนเสื้อแดง จนทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 91 คน แกนนำการชุมนุมต้องติดคุก หรือหลบหนีไปต่างประเทศ และทุกวันนี้ยังคงมีเหยื่อทางการเมืองเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยที่ติดคุกอยู่
ขณะเดียวกัน รัฐธรรมนูญที่ร่างขึ้นใน ปี 2550 ได้ตีกรอบเพื่อจำกัดความเป็นประชาธิปไตย อาทิ การได้มาของสมาชิกวุฒิสภา
รวมถึง กลไกขององค์กรอิสระได้ใช้อำนาจเกินขอบเขต แทนประชาชนเจ้าของอำนาจที่แท้จริง เป็นการดำเนินการเพื่อคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งมากกว่าเพื่อคนส่วนใหญ่ของสังคม
ทั้งนี้ ได้กล่าวปิดท้ายการปาฐกถา โดยหวังว่า ในเหตุการณ์พฤษภาคม 2553 จะเป็นความเจ็บปวดครั้งสุดท้ายสำหรับประชาธิปไตยของประเทศไทย