สุริยะใสอัด นายกฯไร้เดียงสาในเวทีโลก

นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน กล่าวว่า ตนเห็นว่าภายหลังการแถลงด้วยวาจาของทนายทั้งฝ่ายไทย-และกัมพูชาในศาลโลกยุติลงและรอคำพิพากษาในเดือนต.ค.นี้ รัฐบาลไทยไม่ควรนิ่งนอนใจหรือนั่งรอคำพิพากษา โดยไม่มีการเคลื่อนไหวหรือปฏิกิริยาใดๆ โดยเฉพาะข้อแนะนำของน.ส.ยิ่งลักษณ์ชินวัตน นายกรัฐมนตรี และรัฐบาลที่เรียกร้องให้คนไทยอยู่สงบ อยู่นิ่งๆ รอฟังคำตัดสินศาลอย่างเดียวนั้นเป็นท่าทีที่ไม่ถูกต้อง และอาจเข้าทางกัมพูชา ยกตัวอย่างข้อพิพาทในเกาะเล็กๆ ระหว่างจีนกับญี่ปุ่น รัฐบาลทั้ง 2 ประเทศถึงขั้นจัดตั้งสนับสนุนให้ประชาชนของตนเองออกมาเคลื่อนไหวด้วยซ้ำไป

ดังนั้นรัฐบาลต้องสนับสนุนให้คนไทยทุกกลุ่มเคลื่อนไหวอย่างสันติหรือแสดงออกด้วยเหตุด้วยผลเพื่อเน้นยำยืนยันคำแถลงของทนายฝ่ายไทยให้มีน้ำหนักมากขึ้น

ต้องไม่ลืมว่าสถานะของศาลโลกเป็นศาลการเมืองระหว่างประเทศและโอกาสที่จะถูกแทรกแซงกดดันจากประเทศมหาอำนาจบางประเทศก็เป็นไปได้เช่นกัน จนซ้ำรอยคำพิพากษา ปี2505 ซึ่งเราไม่ได้แพ้เพราะหลักฐานข้อเท็จจริงอ่อน แต่แพ้เพราะอิทธิพลของประเทศมหาอำนาจบางประเทศ

นายสุริยะใส กล่าวต่อว่า ดังนั้นการแสดงออกหรือการเคลื่อนไหวของคนไทยจากนี้ไปจนถึงวันพิพากษา จะเป็นตัวแปรหรือปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลต่อคำพิพากษาไม่มากก็น้อย ถ้าเราไม่ทำอะไรกันเลยหรือพยายามโน้มนำประชาชนว่าต้องเคารพคำตัดสิน ไม่ว่าจะออกมาทางใดก็ตามนั้น ต้องเรียกว่าไม่แกล้งโง่ก็ไร้เดียงสาในเวทีโลก

ที่น่าเวทนาที่สุดในขณะนี้สื่อในเครือของรัฐโดยเฉพาะช่อง11 เริ่มเผยแพร่สกู๊ปพิเศษข้อพิพาทเขาพระวิหารในลักษณะที่กำลังเกลี้ยกล่อม บิดเบือนให้คนไทยหลงประเด็น

และไม่ได้สนับสนุนคำให้การของทีมทนายแต่อย่างใด เช่น อ้างเรื่องสันติภาพด้วยการยอมรับคำตัดสินไม่ว่าจะออกมาทางใด หรืออ้างเรื่องการขึ้นทะเบียนมรดกโลกของฝ่ายกัมพูชา ซึ่งไทยพลอยได้ประโยชน์ไปด้วย และมีการสัมภาษณ์กลุ่มนักวิชาการที่รับเงินวิจัย 7.2 ล้านบาท ที่อธิบายความเป็นประโยชน์กับกัมพูชา ต้องไม่ลืมว่าในปลายปีนี้จะมีการเลือกตั้งใหญ่ในกัมพูชา ซึ่งเชื่อแน่ว่าสมเด็จ ฮุนเซ็น นายกรัฐมนตรีกัมพูชา จะต้องนำประเด็นประสาทพระวิหารมาหาเสียงและปลุกกระแสชาตินิยมเพื่อกดดันไทยและศาลโลก งานนี้ฮุนเซ็นหวังยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว ทั้งชนะเลือกตั้งและชนะคดีในศาลโลก นายสุริยะใส กล่าว