'วีระ' ชี้ 'กัมพูชา'เตรียมการนับสิบปี ใช้แผนที่ 1 : 2 แสนรุกรานแผ่นดินไทย กระตุก รบ.หากยังนิ่ง อาจทำบ้านหนองจานถูกยึดปิดปากซ้ำรอยเขาวิหาร
ภายหลังจากคณะดำเนินการกฎหมายต่อสู้คดีปราสาทพระวิหารของไทย นำโดยนายวีรชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเฮก ในฐานะตัวแทนไทยดำเนินการทางกฎหมายปราสาทพระวิหาร และทนายต่างชาติของไทย ได้สรุปการชี้แจงทางวาจาต่อศาลโลกเป็นรอบสุดท้ายวันที่ 19 เม.ย.ที่ผ่านมา ทีมงานของนายวีระ สมความคิด ได้โพสต์ข้อความเห็นของนายวีระในเฟซบุ๊ก Veera Somkwamkid โดยระบุว่า"น้องชายคุณวีระเดินไปทางไปเยี่ยม ประเด็นพูดคุยหนีไม่พ้นเรื่องการแถลงด้วยวาจาในศาลโลก
โดยน้องชายคุณวีระเล่ารายละเอียดที่สำคัญให้ได้รับทราบข้อมูล ซึ่งคุณวีระก็พอได้ทราบข้อมูลอยู่บ้างจากนักโทษได้เล่าให้ฟัง
มีเจ้าหน้าที่สถานทูตร่วมแลกเปลี่ยนความเห็นด้วย ตอนหนึ่ง คุณวีระได้พูดถึงว่า เมื่อเกือบ 2 ปี กว่านั้น ที่ถูกจับบริเวณบ้านหนองจาน ประเทศไทยแล้วถูกนำไปขึ้นศาลชั้นต้นในวันที่ 1 ก.พ. 2554 อัยการ พยาน ศาลก็อ้างถึงแผนที่ 1 : 200,000 ที่กล่าวถึงใน MOU 2543 ในการตัดสินโทษจำคุก โดยอ้างว่าคนไทยทั้ง 7 คนเข้าพื้นที่กัมพูชา ตามแผนที่ 1 : 200,000 ที่กล่าวถึงใน MOU 2543 หนำซ้ำยังมีพยานปากสำคัญเป็นนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในขณะนั้น ตลอดจนข้าราชการทั้งการเมืองบางคน ข้าราชการประจำสำคัญๆ บางคนของไทยย้ำว่าคนไทยทั้ง 7 อยู่ในเขตแดน กัมพูชา คนไทยส่วนใหญ่คงไม่คิดว่าแผนที่ 1 : 200,000 จะสร้างปัญหาให้กับประเทศไทยมากขนาดนี้
น่าเชื่อว่า กัมพูชา ได้เตรียมการมาเป็นเวลานานนับสิบปี จะเห็นได้จากการที่ กัมพูชา ใช้แผนที่ 1 : 200,000 รุกรานแผ่นดินไทยตั้งแต่ปี 2543 จนถึงปัจจุบันยังปรากฏการรุกรานเข้ามาสร้างสิ่งปลูกสร้าง บ้านเรือน ชุมชน ยึดที่ดิน ผืนนาของชาวบ้านคนไทยตลอดแนวชายแดน
รัฐบาลไทยก็ไม่สามารถดำเนินการใดๆ ได้เลย อย่างนี้เกรงว่าจะถูกหยิบยกไปเป็นกฎหมายปิดปากอีกครั้งหนึ่งก็เป็นได้
นอกจากนั้น ยังเห็นความแตกต่างระหว่าง กัมพูชากับไทยได้ชัดเจนก็คือ สื่อมวลชนกัมพูชา ร่วมมือกันเผยแพร่ข้อมูล โดยกล่าวหาว่า การที่ต้องไปฟ้องศาลโลกครั้งนี้ เนื่องจากไทยจะมาแย่งเอาปราสาทพระวิหารทั้งที่ศาลโลกได้ตัดสินให้เป็นของกัมพูชา มาตั้งแต่ปี 2505 ทำให้คนกัมพูชา เข้าใจว่าคนไทยชอบหาเรื่องรังแกกัมพูชา ไม่ยอมเลิก สื่อของกัมพูชา ยังประโคมข่าวว่า กัมพูชาจะเป็นผู้ชนะคดีครั้งนี้แน่นอน และบอกว่าขอให้ไทยยอมรับความพ่ายแพ้โดยดี เพื่อให้ประเทศทั้ง 2 อยู่ร่วมกันอย่างสันติ อย่าเป็นฝ่ายก่อสงคราม
ผู้โพสต์ "ดิฉันไม่หนักใจมากนักกับฝีมือ ข้อมูล และการต่อสู้ของทีมกฎหมายไทยในศาลโลกกับทีมทนายกัมพูชา แต่หนักใจปัญหาภายในของประเทศเรามากกว่า เพราะเกือบ 2 เดือนก่อนวันแถลงการของทั้ง 2 ประเทศ เดินทางไปเยี่ยมคุณวีระทุกศุกร์ พบว่า คนกัมพูชา ร่วมแรงใจของคนในชาติกัมพูชาทั้งรัฐบาล ฝ่ายค้าน (ช่วงเกิดกรณีพิพาทกับไทยในปี 54 สม รังสีมีจดหมายถึงรัฐบาลกัมพูชา สนับสนุนการต่อสู้ในเรื่องเขตแดน ไทย - กัมพูชา)
ประชาชน สื่อมวลชน นักธุรกิจ (เมื่อ 2 อาทิตย์ก่อนดิฉันนำการโฆษณาของ บ.เบียร์ที่สนับสนุนและร่วมฉลองให้ กัมพูชา ชนะคดีในศาลโลก) แต่ประเทศไทยรัฐบาลก็ไม่กล้าออกมายืนยันการต่อสู้ว่าจะชนะเต็มตัว ฝ่ายค้านก็คอยจับประเด็นฟอกตัวรายวัน ประชาชนส่วนใหญ่ยังนิ่งเฉย สื่อมวลชนรายงานตามเอกสาร นักธุรกิจก็เงียบฉี่ อย่างนี้ประเทศจะเดินหน้าอย่างไร"