ภาพประกอบจาก อิืนเตอร์เน็ต เมื่อเวลา 15.10 น. วันที่ 19 เม.ย. ที่กระทรวงการต่างประเทศ นาย มนัสวี ศรีโสดาพล อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงการที่กัมพูชาขึ้นให้การด้วยวาจาต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือศาลโลก (ไอซีเจ) เป็นรอบที่ 2 เมื่อ 18 เม.ย.ที่ผ่านมา มีประเด็นที่หักล้างคำชี้แจงของไทยเหมือนกับสิ่งที่กัมพูชาเคยพูดมาแต่เดิม ได้แก่ 1. ย้ำว่าศาลโลกมีอำนาจในการตีความคำพิพากษาคดีปราสาทพระวิหาร เมื่อปี 2505 2.กัมพูชาไม่เคยยอมรับการล้อมรั้วลวดหนามที่ไทยทำขึ้นเมื่อปี 2505 และ 3. ยืนยันสถานะและความสำคัญของแผนที่ภาคผนวก 1 (แผนที่ 1:200,000) โดยหลังจากฝ่ายกัมพูชาให้การเสร็จสิ้นแล้ว คณะทนายความของไทยมีความมั่นใจว่า มีความพร้อมด้านข้อมูลและหลักฐานที่นำเสนอต่อศาลโลกในวันนี้ (19 เม.ย.) ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการนั่งบัลลังก์รับฟังการให้การด้วยวาจาของศาลโลก
ด้านนายไกรรวี ศิริกุล รองอธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ขอให้ประชาชนเข้าใจว่ารัฐบาลและคณะต่อสู้คดีของไทยได้ทำหน้าที่อย่างดีที่สุดแล้ว ส่วนในการชี้แจงต่อศาลในวันนี้ ขอให้ทุกคนตั้งใจฟังและรับชม ตนขอฝากว่า อย่าตื่นตระหนกต่อการขึ้นศาลโลกเพราะเป็นกระบวนการปกติ ไม่ใช่เรื่องของศัตรูคู่อริ ถ้ามีปัญหาหรือข้อขัดแย้งก็ต้องมีอนุญาโตตุลาการที่เป็นคนกลาง ซึ่งศาลโลกถือเป็นอนุญาโตตุลาการ ที่จะทำให้เพื่อนบ้านอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติ ดังนั้นไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร ไทยและกัมพูชาที่มีเขตแดนติดกันกว่า 800 กิโลเมตร ก็ต้องอยู่ร่วมกันอย่างสันติ แยกจากกันไม่ได้ ต้องปรับทัศนคติในการอยู่ร่วมกันเพื่อพัฒนาไปสู่ประชาคมอาเซียน จึงขอให้ประชาชนใช้สติและวิจารณญาณในการรับฟังการพิจารณาคดี และเป็นกำลังใจให้คณะฝ่ายไทย ซึ่งนำเสนอครบถ้วนทุกประเด็นตามที่ทุ่มเทกันมานานกว่า 3 ปี ตนจึงมั่นใจว่าฝ่ายไทยเตรียมเอกสารหลักฐานเป็นอย่างดีเพื่อตอบโต้ฝ่ายกัมพูชาโดยเฉพาะเรื่องของแผนที่
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
