ทนายความฝ่ายกัมพูชา ยังคงชี้ให้ศาลเห็นว่า ไทยยอมรับข้อตกลง ระหว่าง สยาม กับ ฝรั่งเศส เป็นเส้นแบ่งเขตแดนไปแล้ว เมื่อปี 1908-1909 คือตามแผนที่ในภาคผนวก1 แต่ต่อมากลับไม่ยอมรับตามแผนที่ภาคผนวกที่1 อาจเป็นเพราะ ไทยยอมรับความพ่ายแพ้และทำใจไม่ได้ต่อการแพ้คดีความที่ผ่านมา โดยรัฐบาลไทย มีคำสั่ง ครม.ให้กำหนดเขตแดน ที่เป็นการกระทำที่ขัดต่อคำพิพากษาของศาลเมื่อปี 2505 พร้อมกับระบุด้วยว่า
ไทยได้สร้างแผนที่และลากเส้นแดนเอง ตามอำเภอใจ โดยที่กัมพูชาไม่ยอมรับมติ ครม.ที่ให้มีการขึงรั้วลวดหนาม รอบตัวปราสาท อีกทั้งยังมีการคุกคาม ละเมิดสิทธิ์ ของกัมพูชา ดังนั้น จึงเป็นเหตุให้ กัมพูชาร้องขอต่อศาลให้ตีความคดีใหม่
โดย ภายหลังเสร็จสิ้นการให้ถ้อยแถลงของกัมพูชา นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ให้สัมภาษณ์ที่กรุงเฮก และเชื่อมสัญญาณมาถึงไทย โดยสรุปเนื้อหาที่กัมพูชา พยายามหักล้างฝ่ายไทยในประเด็นแผนที่ และความเข้าใจไม่ตรงกัน และไม่ยอมรับมติ ครม.ของไทย ว่าไทยยอมรับแค่ฝ่ายเดียว
จึงขอให้ศาลตีความคดีเดิมที่ตัดสินไปแล้วเมื่อปี 2505 โดยต้องรอฟังทีมทนายความของไทยในวันนี้(19เม.ย.) และขอให้ประชาชนช่วยกันให้กำลังใจทีมทนายความต่อไป ขณะเดียวกัน นายพงศ์เทพ. เทพกาญจนา รองนายกฯและรมว.ศึกษาธิการ ในฐานะหัวหน้าทีมต่อสู้คดีปราสาทพระวิหาร เชื่อมั่นว่า ทีมทนายความของไทย ชี้แจงเพื่อหักล้างข้อโต้แย้งของกัมพูชา ได้อย่างชัดเจนแล้ว