เมื่อวันที่ 5 เม.ย. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รมว.คมนาคม ยอมรับว่าหลายโครงการในร่างพ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท ต้องนำกลับมาศึกษาใหม่เรื่องความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจว่า เป็นการย้ำว่าสิ่งที่รัฐบาลอ้างว่ามีความพร้อมในเรื่องยุทธศาสตร์ แต่เมื่อถึงเวลากลับไม่มีความพร้อม ต้องนำโครงการกลับมาทบทวน ซึ่งตนจะแปรญัตติว่าโครงการใดไม่คุ้มค่าและไม่เหมาะสมที่จะดำเนินการทำ ก็ควรตัดออกไป และไม่ควรกู้เงินมา ไม่ใช่กู้เงินมาแล้วโครงการนี้ทำไม่ได้ ก็จะเปลี่ยนไปทำโครงการอื่น และถ้าร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว ผ่านไปได้ก็ควรจัดทำให้รัดกุมไม่ใช่จะมาสร้างหนี้ให้ประชาชน 50ปี
และปรากฏว่าสิ่งที่รัฐบาลโฆษณาไว้ประชาชนก็ไม่ได้รับสิ่งนั้นและมีความชัดเจนว่าเป็นการกระทำที่หลีกเลี่ยงการทำในงบประมาณประจำปี
เพราะในงบประมาณประจำปีจะมีการกำหนดโครงการที่มีความพร้อมและมีการกำหนดกฎชัดเจนที่ต้องขอความเห็นชอบจากรัฐสภา อย่างไรก็ตามการที่นายจุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ระบุว่ารถไฟความเร็วสูง สายกทม.-เชียงใหม่ เฟสแรกจะทำได้ถึงเพียงจ.พิษณุโลก ไม่ถึงจ.เชียงใหม่นั้น ทำให้เห็นชัดว่า ประชาชนจะได้ทราบข้อเท็จจริงหลังจากที่วาดภาพไว้ว่าจะได้รถไฟความเร็วสูงกทม.-เชียงใหม่ กทม.-หนองคาย กทม.-ปาดังเบซาร์ แต่ปรากฏว่ากู้เงิน 2ล้านล้านบาทได้แค่ กทม.-พิษณุโลก และกทม.-หัวหิน
นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงกรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)
ตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนคดีการทุจริตก่อสร้างสถานีตำรวจทดแทนทั่วประเทศว่า ตนพร้อมและมีความยินดีที่จะเข้าชี้แจงต่อคณะอนุกรรมการฯ ไม่มีอะไรที่น่าหนักใจ แต่ยังไม่ทราบรายละเอียด เพราะกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ไม่เคยเชิญพวกตนไปชี้แจง.