ผบ.ทบ.ลั่นไม่แทรกแซงการเมือง หากไทยแพ้คดีพระวิหาร

วันนี้ 1 เม.ย.56 ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวถึงกรณีที่เริ่มมีการปลุกกระแสเสียดินแดนในช่วงที่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือ ศาลโลก  นัดรับฟังคำชี้แจงทางวาจาจากไทย กับกัมพูชาในเดือนเมษายนนี้ว่า  

ได้มอบหมายให้กองทัพภาคที่ 2 ไปดูแล และทำความเข้าใจว่า เรายังคงรักษาเขตแดนตามเดิมทุกประการ ไม่มีการสูญเสียอะไรทั้งสิ้น ดังนั้นถ้าใครจะมากล่าวอ้างต้องรอดูว่า ศาลโลกจะตัดสิน หรือ มีคำพิพากษาอย่างไรในช่วงปลายปีนี้  ถ้าตัดสินออกมาอยู่ในกรอบของเขาก็ต้องอยู่ในกรอบนั้น  ถ้าเป็นคดีเดิมก็ต้องฟังเขา  แต่ถ้าเป็นคดีใหม่ก็ต้องว่ากันใหม่ ซึ่งเราไม่ต้องฟังก็ได้ และ ยังไม่อยากลงรายละเอียด เพราะถ้าพูดก็เท่ากับนำสิ่งที่เรานำไปต่อสู้มาพูดหมด  ก็จะแพ้เขาตั้งแต่ต้น

"ขอให้ใจเย็นๆ  เดือนเมษายนนี้ยังไม่ได้ตัดสิน เป็นการแถลงด้วยวาจาครั้งสุดท้าย  ต่างฝ่ายต่างก็เอาหลักฐานมาว่ากัน แสดงความชอบธรรม  รอปลายปีที่เป็นช่วงที่ศาลโลกพิพากษา ยังมีเวลาอีกมาก  ซึ่งประชาชนต้องใจเย็น ๆ และต้องเข้าใจว่าผมไม่เคยแบ่งข้างกับใคร เพราะเจ้าหน้าที่แบ่งข้างไม่ได้ เห็นใจพวกผมหน่อย เจ้าหน้าที่ต้องทำตามบรรทัดฐาน และ หลักการที่มีอยู่ โดยเอกสาร กฎหมาย ใครจะว่าอย่างไรก็ต้องหนักแน่น  และมีกระบวนการแก้ไขปัญหา แต่ถ้าทหารจะทำอะไรที่ตัวเองคิดก็ต้องขออนุมัติผู้บังคับบัญชา ทั้งกระทรวงกลาโหม และ รัฐบาล ไม่ใช่ทหารคิดแล้วทำได้เลย โดยไม่ฟังใคร ทุกอย่างมีอำนาจในการบริหารอยู่ ท้ายที่สุดทุกคนไม่อยากให้เราเสียดินแดน และไม่กล้าทำอะไรที่ผิดกฎหมาย"พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

เมื่อถามว่า  เกรงหรือไม่ว่าช่วงปลายปีช่วงที่มีการพิพากษาจะเกิดอะไรขึ้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า   ถ้าเราสร้างให้ประชาชนเข้าใจกันได้จากผลที่จะออกมา 4 ทาง ซึ่งหากออกมาทางที่ดีสุดก็จะสบายใจ ออกมาไม่ดีก็ต้องว่ากันต่อไปว่าจะทำอย่างไร โดยทางฝ่ายความมั่นคง กับฝ่ายบริหารจะปรึกษากันว่า ทำอย่างไร  ไม่ใช่อยู่ดีๆ ผลการตัดสินออกมาแล้วรบกัน  เพราะไม่ใช่บ้านป่าเมืองเถื่อน  อีกทั้ง ยังมีประเด็นเรื่องเศรษฐกิจ ค้าขายด้วย   เมื่อถามว่า  ทหารจะอ้างเหตุความวุ่นวายในการแทรกแซงทางการเมืองหรือไม่

 พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า"ผมเคยอ้างอะไรไหม  ทหารก็คือทหาร ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด อย่าไปมองว่าทหารจะไปทำโน่น ทำนี่  ไม่มีใครเขาอยากทำ  ประเทศไทยต้องเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกัน ผมมีหน้าที่บังคับบัญชาลูกน้อง สั่งมาในงานก็ทำ  ไม่สั่งแล้วทำก็คงไม่ใช่ทหาร"