'ปชป.' มีมติไม่รับร่างแก้ไขรธน.รายมาตรา ทั้ง 3 ฉบับ ชี้ 'จำกัดสิทธิประชาชน-หลีกเลี่ยงการตรวจสอบ'
31 มี.ค. 56 นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวภายหลังการประชุมส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ว่า ที่ประชุมได้มีการหารือ ถึงการประชุมร่วมรัฐสภาที่จะพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทั้ง 3 ฉบับ ในวันที่ 1 ถึง 3 เม.ย. นี้ โดยที่ประชุมได้มีมติสอดคล้องกับมติที่ประชุมพรรคฝ่ายค้าน โดยยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์ จะไม่รับหลักการร่างทั้ง 3 ฉบับ ซึ่งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้กำชับ ส.ส.ทุกคนว่า ให้อภิปรายอย่างชัดเจนถึงเหตุผลว่าการแก้ไขรัฐธรรมจะสร้างความเสียหายอย่างไร เช่นการที่รัฐบาลจะแก้ไขมาตรา 68 นั้น ถือเป็นการลดอำนาจของประชาชน ที่ต้องยื่นผ่านอัยการสูงสุดก่อน ทั้งที่ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยว่า ถือเป็นสิทธิชอบธรรมในการตรวจสอบพรรคการเมือง ที่สามารถยื่นตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญได้ พรรคประชาธิปัตย์ จึงไม่เห็นด้วยที่รัฐบาลจะตัดสิทธิของประชาชน
นายชวนนท์กล่าวต่อว่า หรือการแก้ไขมาตรา 190 ที่พรรคประชาธิปัตย์ สมัยที่เป็นรัฐบาลเคยแก้ไขมาแล้ว ซึ่งเป็นการแก้ไขเพื่อให้มาตรานี้มีความกระชับและการทำสนธิสัญญาระหว่างประเทศมีความคล่องตัวมากขึ้น แต่การที่รัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะแก้ไขมาตรา 190 โดยตัดคำว่า “อำนาจอธิปไตยนอกอาณาเขต” ออกนั้น แสดงให้เห็นว่า หากรัฐบาลมีการร่วมลงทุนกับประเทศเพื่อนบ้าน ก็ไม่จะเป็นต้องผ่านร่างให้สภาเห็นชอบ หรือเปิดเผยต่อประชาชน รวมทั้งการรัฐบาลจะตัดคำว่า “หนังสือสนธิสัญญาที่มีผลต่อการกระทำด้านเศรษฐกิจและสังคมอย่างกว้างขวาง” ออกนั้น เท่ากับว่ารัฐบาลจงใจปิดหูปิดตาประชาชน เพราะหากตัดคำดังกล่าวออกนั้น รัฐบาลก็ไม่จำเป็นต้องนำหนังสือสนธิสัญญาระหว่างประเทศฉบับใด ให้สภารับทราบอีกต่อไป
นายชวนนท์ กล่าวว่า ส่วนการแก้ไขมาตรา 237 แม้พรรคประชาธิปัตย์จะไม่เห็นด้วยกับการยุบพรรค แต่การที่รัฐบาลจะแก้ไขโดยไม่ให้เอาผิดกับกรรมการบริหารพรรค หรือหากสมาชิกกระทำผิดก็จะไม่เชื่อมโยงไปสู่โทษการยุบพรรค ซึ่งทางพรรคประชาธิปัตย์ เห็นว่า กรรมการบริหารพรรคต้องมีส่วนรับผิดชอบ ไม่เช่นนั้นก็จะเป็นการส่งเสริมให้เกิดการทุจริตในการเลือกตั้ง หรือการซื้อขายเสียง และการเมืองไทยจะกลับไปสู่วังวนเดิม