ปธ.กกต.กทม.ชี้หลุดนายกฯ!'ปู'ช่วย'จู้ดี้'หากผิดจริง-ปชป.ต้องยุบพรรค
21มี.ค.2556 พล.ต.ท.ทวีศักดิ์ ตู้จินดา ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำกรุงเทพมหานคร (ปธ.กกต.กทม.) กล่าวถึงความคืบหน้าการสืบสวนสอบสวนคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งผู้ว่าราชการ กทม. ทั้งกรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีใช้อำนาจหน้าที่ช่วยพล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ หาเสียง และแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ปราศรัยใส่ร้ายว่า จากนี้ กกต.กทม.จะต้องสืบสวนสอบสวนไปตามระเบียบสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัยชี้ขาด พ.ศ.2554 ข้อ 33 ที่จะต้องดำเนินการสอบสวนว่าการกระทำดังกล่าวเชื่อมโยงถึงกรรมการบริหารพรรคหรือไม่และได้มีการสนับสนุนหรือรู้เห็นเป็นใจให้ผู้อื่นฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามกฎหมายหรือไม่
พล.ต.ท.ทวีศักดิ์ กล่าวต่อว่า หากทั้ง 2 กรณี กกต.กทม.ตรวจสอบแล้วเห็นว่า ผิดจริงก็จะมีโทษตามมาตรา 118 ของพ.ร.บ.เลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นฯ ที่ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี ปรับตั้งแต่ 20,000 - 200,000 บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี ดั้งนั้น หาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีความผิดและถูกเพิกถอนสิทธิจริง ก็จะพ้นจากสมาชิกภาพการเป็น ส.ส. ซึ่งจะส่งผลต่อตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไปโดยปริยาย
ส่วนกรณีคำร้องคัดค้านการประกาศผลการเลือกตั้งของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริบัตร ผู้ชนะเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.นั้น หากตรวจสอบข้อเท็จแล้วพบว่า มีกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ได้กระทำการสนับสนุนหรือรู้เห็นเป็นใจให้ผู้อื่นหรือฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามกฎหมายจริง ก็จะเป็นเหตุให้เข้าลักษณะความผิดฐานยุบพรรคและอาจถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเป็นเวลา 5 ปี ตามมาตรา 104 ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองด้วย พ.ศ.2550 อย่างไรก็ตามกรณีดังกล่าวทางกกต.กลาง จะเตรียมเสนอกกต.กลางพิจารณาต่อไป
“หากมีการสอบสวนแล้วมีความผิดจริงก็ต้องดูว่าจะเชื่อมโยงถึงใครบ้าง เพราะกฎหมายเขียนเชื่อมโยงความผิดไว้อีกหลายมาตรา ซึ่งเป็นกระบวนการและความผิดที่กฎหมายบัญญัติไว้ ที่ผ่านมาสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ผมพยายามพูดมาโดยตลอด และพยายามชี้ให้เห็นว่าหากกระทำการเข้าข่ายผิดกฎหมายจะต้องเจอกับอะไรบ้าง” พล.ต.ท.ทวีศักดิ์ กล่าวทิ้งทาย