จากคมชัดลึก
ใครคนหนึ่งถามผมว่า ถ้าในบริษัทของคุณ คนที่คุณจ้างมาเป็น "กรรมการผู้จัดการ" หรือ "ซีอีโอ" ทำให้คนในธุรกิจของคุณแตกแยกกัน จนระส่ำระสาย งานการไม่เป็นอันทำ พนักงานทุกระดับต่างมีความสงสัยคลางแคลงซึ่งกันและกัน คุณในฐานะเจ้าของและผู้ถือหุ้นควรจะทำอย่างไร?
ผมบอกว่าก็ต้องให้ซีอีโอคนนั้นลาออก หรือถ้าไม่ยอมออก ก็ต้องไล่ออก
เขาถามต่อว่าเท่านั้นยังไม่จบ ถ้าคุณในฐานะเจ้าของบริษัทพบว่า "กรรมการผู้จัดการ" ที่จ้างมาทำงาน นอกจากจะสร้างความแตกแยกมหาศาลในบริษัทแล้ว ยังพบว่าซีอีโอคนนี้ระหว่างที่ทำงานในหน้าที่ยังร่ำรวยขึ้นอย่างผิดหูผิดตา อีกทั้งยังเอาเพื่อนฝูงญาติพี่น้องเข้ามาหาประโยชน์จากธุรกิจของบริษัทด้วย เจ้าของบริษัทควรจะทำอย่างไร?
ผมบอกว่าเจ้าของบริษัทก็ควรจะต้องสอบสวนทวนความให้ชัดเจนว่ามีการกระทำที่เข้าข่าย คอนฟลิคท์ ออฟ อินเทอเรสต์ หรือ "ผลประโยชน์ทับซ้อน" ที่มีผลร้ายต่อผู้ถือหุ้นและประโยชน์ของบริษัทหรือเปล่า?
ผลสอบสวนออกมา ถ้าปรากฏว่าเกิดความเสียหายกับบริษัทจริง ก็จะต้องฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายกันให้ถึงที่สุด
เพราะคนที่เสนอตัวมาเป็น "ซีอีโอ" ของบริษัทคุณรู้กติกาตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งว่าผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นไม่ว่าจะเป็นรายใหญ่ รายเล็กและรายกลางจะต้องมาก่อนสิ่งอื่นใด
การที่เขาเอาตำแหน่งแห่งหนในบริษัทสร้างประโยชน์ให้ตัวเอง ใช้เงินใช้ทองของบริษัทอย่างฟุ่มเฟือย ไม่ยอมฟังเสียงวิจารณ์จากพนักงานหรือผู้ถือหุ้นเอง ย่อมเป็นอันตรายต่ออนาคตของบริษัทอย่างแน่นอน
ถ้าคุณรู้ว่าครอบครัวของซีอีโอของคุณร่ำรวยมหาศาลระหว่างที่ซีอีโอคนนี้ดำรงตำแหน่งนี้ในบริษัทคุณ และความร่ำรวยนั้น มาจากธุรกิจที่เกี่ยวกับการตัดสินใจของซีอีโอคนนี้ด้วย คุณคิดว่าเจ้าของบริษัทควรจะสงสัยอะไรหรือไม่?
ควรจะต้องสงสัยว่าซีอีโอคนนี้แยกไม่ออกว่าอะไรคือผลประโยชน์ของบริษัทที่จ้างเขา กับผลประโยชน์ของครอบครัวเขา
และถ้าพนักงานจำนวนมากออกมาเรียกร้องให้เขาลาออกเพื่อให้บริษัทเดินหน้าต่อไปอย่างมั่นคง แล้วซีอีโอคนนี้เอาเงินของบริษัทคุณไปแจกจ่ายพนักงานส่วนอื่นเพื่อให้เชียร์เขายังอยู่ในตำแหน่งนี้ต่อไป คุณในฐานะเจ้าของจะทำอย่างไร?
และถ้าคุณวิจารณ์เขา ซีอีโอคนนี้ไปยืนอยู่หน้าบริษัท และประกาศทวงบุญคุณว่า "ขาดผม บริษัทนี้เจ๊งแน่..." คุณจะทำอย่างไร?
ถ้าซีอีโอคนนี้พูดจาโอหัง ปลิ้นปล้อน โกหกไปวันๆ...วันนี้พูดอย่าง พรุ่งนี้พูดอีกอย่าง คุณจะทำอย่างไร?
ถ้ากรรมการผู้จัดการเลวได้ขนาดนี้ ยังต้องถามอีกหรือว่าผู้ถือหุ้นควรจะทำอย่างไร?