นายกรัฐมนตรี ปัดตอบปรับ ครม. ด้านเลขาฯ นายกฯ ยันนายกฯยังไม่ส่งสัญญานอะไร มีแต่ข่าวจากสื่อ ปลอบ รมต.ที่มีชื่อในหลุดเก้าอี้ถ้ามั่นใจผลงานอย่าหวั่นไหว พร้อมยัน แก้ รธน. และ พรบ.ปรองดอง ต้องรอเวลา เพื่อให้เกิดความรอบคอบ
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ เดินทางกลับจากการเดือนทางเยือนสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว โดยปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ใดๆ ต่อสื่อมวลชน โดยเมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสข่าวการปรับ ครม.โดยการดึงกลุ่มมัชฌิมา มาร่วมรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้แต่ยิ้ม พร้อมกล่าวว่า “วันนี้ไม่มีอะไรค่ะ” ก่อนเดินขึ้นรถทันที
ด้านนายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงข่าวการปรับ ครม. ว่า ยังไม่เห็นนายกฯ พูดอะไร และ เรื่องการปรับ ครม. อยู่ที่นายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว วันนี้ยืนยันว่ายังไม่มีข่าวอะไร คงต้องรอฟังจากนายกฯ ส่วนกระแสข่าวในช่วงนี้คงเป็นเรื่องที่พูดกันไปเอง ส่วนทำไมกระแสข่าวดังกล่าวจึงออกมาในช่วงนี้นั้นตนเองก็ไม่ทราบ คงต้องถามกลับไปยังสื่อมวลชนที่เสนอข่าวดังกล่าวออกมา ตนเองก็อยากรู้เหมือนกัน
เมื่อถามว่าแสดงว่าส่งสัญญาณอะไรออกมาจากแกนนำในรัฐบาลหรือไม่ “ผมพูดแทนนายกฯได้คนเดียวเลยว่าถึงตอนนี้นายกฯไม่ได้มีสัญญาณอะไรเลย ก็ยังอยู่ในขั้นตอนที่ต้องพิจารณากันไป” นายสุรนันทน์กล่าว เมื่อถามต่อว่าจะทำให้การทำงานของรัฐมนตรีที่มีชื่อว่าจะถูกปรับออกสะดุดหรือหวั่นไหวหรือไม่ นายสุรนันทน์ กล่าวว่า วันนี้นายกฯดูจากผลงาน ใครที่ทำงานก็ไม่ต้องไปหวั่นไหวอะไร และรัฐมนตรีที่มีชื่อก็ยังไม่เคยเห็นนายกฯพูดอะไร เพราะฉะนั้นเรื่องการปรับ ครม.ตรงนี้คงต้องรอเวลาอย่างเดียว
เมื่อถามถึงความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลกับกลุ่มมัชฌิมา นายสุรนันทน์ กล่าวว่า ตนเห็นแต่ข่าวในสื่อมวลชน ในตึกไทยคู่ฟ้าไม่เห็นพูดอะไร เมื่อถามต่อว่านายกฯได้พูดหรือไม่ว่าเหตุผลในช่วงเวลาที่รอนั้นคืออะไร เพราะในส่วนของพรรคชาติไทยพัฒนาก็ส่งรายชื่อว่าที่รัฐมนตรีมาแล้ว เลขาธิการนายกฯ กล่าวว่า ก็ต้องรอนายกฯขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของนายกฯเพียงคนเดียว
ต่อข้อถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ว่าจะปรับ ครม.ในช่วง 1-2 เดือนนี้ นายสุรนันทน์ กล่าวว่า แหมพูดไปถึง 1-2 เดือนเชียว วันนี้รอนายกฯ อย่างเดียว เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นครับ ผู้สื่อข่าวถามถึงความคืบหน้าเรื่องของ พ.ร.บ.ปรองดองและการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายสุรนันทน์ กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องรอการรายงานจากคณะกรรมการกฤษฎีกาก่อน และที่รัฐบาลต้องรอเวลา เพราะการรอนั้นก็เพื่อทำให้เกิดความรอบคอบในการตัดสินใจ เพราะเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเมืองหรือการบริหารราชการแผ่นดิน จังหวะนี้เราต้องใช้ความรอบคอบและดูในเรื่องของประเด็นให้เกิดความถี่ถ้วนก็จะทำให้การตัดสินใจนั้นเป็นประโยชน์กับประชาชนสูงสุด.