เริ่มแล้วเวทีพิจิตร..กู้ชาติ - ประชาชนทยอยฟังเปิดโปงแม้ว

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 23 กุมภาพันธ์ 2549 18:16 น.

พิจิตร ประชาชนทยอยเดินทางเข้าร่วมเวทีขับไล่ ทักษิณ ที่พิจิตร ขณะที่การปราศรับบนเวที ได้เริ่มขึ้นแล้ว ด้าน ตร.คุมเข้มตรวจอาวุธผู้เข้าร่วมงานทุกราย หวั่นมือที่สามก่อกวน

รายงานจากจังหวัดพิจิตร แจ้งว่า ประชาชนได้ทยอยเดินทางมาร่วมเวที ทวงคืนประเทศไทย "พิจิตร..กู้ชาติ" โดยพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ภาคเหนือตอนล่าง ที่ลานตากข้าวสหกรณ์การเกษตรเมืองพิจิตร สาขาบ้านบึงตะโกน ต.ท่าหลวง อ.เมือง จ.พิจิตร ตั้งแต่เวลาประมาณ 17.00 น. และยิ่งเพิ่มมากขึ้นเมื่ออากาศเริ่มเย็นลง

สำหรับการรักษาความปลอดภัยในการเปิดเวทีปราศรัยครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 300 นาย ได้ตรึงกำลังคุมเข้มทั่วบริเวณจัดงาน โดยได้ตรวจสอบอาวุธของประชาชนที่มาเข้าร่วมงานอย่างเข้มงวด นอกจากนี้ ยังจำกัดไม่ให้ประชาชนจอดรถในบริเวณใกล้เคียงสถานที่จัดงาน เนื่องจากหวั่นว่าจะมีผู้ไม่ประสงค์ดีมาก่อกวน

ส่วนการปราศรัยบนเวทีได้เริ่มขึ้นแล้วเมื่อเวลาประมาณ 18.00 น.ที่ผ่านมา โดยแกนนำเครือข่ายชุมชนภาคเหนือ ได้ขึ้นเวทีปราศรัยถึงผลกระทบจากการเปิดเขตการค้าเสรี(เอฟทีเอ)ไทย-จีน ซึ่งเป็นผลงานของรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณที่ทำให้เกษตรกรในภาคเหนือได้รับความเดือดร้อนจากการทะลักเข้ามาของสินค้าเกษตรราคาถูกจากประเทศจีน และในเร็วๆ นี้หากมีการเปิดเอฟทีเอกับสหรัฐอเมริกา ข้าวหอมมะลิอาจไม่ได้เป็นของคนไทยอีกต่อไป เพราะสหรัฐฯจะเอาไปจดทะเบียนเป็นของเขาเอง

ล่าสุดขณะนี้ บนเวทีมีการแสดงดนตรีคั่นเวลาก่อนที่แกนนำพันธมิตรคนอื่นๆ จะขึ้นปราศรัยต่อไป

สำหรับกำหนดการในช่วงเย็นของวันนี้ นายสนธิ ลิ้มทองกุล และครือข่ายพันธมิตรฯ ซึ่งเดินทางมาจากจังหวัดพิษณุโลก มีกำหนดพบปะประชาชนบริเวณตลาดสดในเขตอำเภอเมืองพิจิตร ก่อนที่จะเดินทางมาถึงบริเวณงานในเวลา 18.00 น.เศษ

ทั้งนี้ ก่อนที่คณะของนายสนธิเดินทางถึงบริเวณงาน พิธีกรบนเวทีได้กล่าวถึงความเป็นมาของการตั้งเครือข่ายพันธมิตรประชาชนภาคเหนือตอนล่าง ว่ามาจากการรวมตัวขององค์กระประชาชนกลุ่มต่างๆ ในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง ที่ต้องการรับข้อมูลข่าวสารที่แท้จริงและเพื่อแสดงพลังไม่ให้ด้วยกับการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของพ.ต.ทักษิณ ชินวัตร

ต่อมานายสินชัย บุญอาจ ตัวแทนเครือข่ายพันธมิตรภาคเหนือตอนล่างขึ้นเวทีปราศรัยถึงผลกระทบจากนโยบายของรัฐบาล ที่มีต่อความเป็นอยู่ของเกษตรกร โดยเฉพาะนโยบายเชิงประชานิยมที่เน้นการเอาเงินมาแจก ซึ่งที่จริงก็คือ เงินภาษีของประชาชน แต่กลับนำมาทำโครงการที่สร้างค่านิยมฟุ่มเฟือย ทำลายการพึ่งตัวเองของชาวบ้าน