วันที่ 23 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรคประชาธิปัตย์ ได้จัดเวทีปราศรัยใหญ่ เรื่อง ความจริงที่คนกรุงเทพฯ ต้องรู้
ที่บริเวณลานคนเมือง ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ซึ่งการจัดเวทีปราศรัยใหญ่ครั้งนี้ ถือเป็นการหาเสียงช่วยม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. หมายเลข 16 โดยมีแกนนำพรรค ส.ส. รวมทั้ง ส.ก.และ ส.ข.ร่วมงานจำนวนมาก อาทิ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค, นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรค, นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน, นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ นอกจากนี้ ยังมีนายสุรบถ หลีกภัย บุตรชายนายชวน น.ส.มัลลิกา จงวัฒนา หรือน้องทับทิม ภรรยา และนายราเมศ รัตนเชวง รองโฆษกพรรค ที่ถูกทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บสาหัสเมื่อหลายเดือนก่อน เข้าร่วมฟังการปราศรัยด้วย
ในการนี้ นายชวน ได้ขึ้นปราศรัยตอนหนึ่งว่า พยายามโทรศัพท์ชวนนายพิชัย รัตตกุล อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
มาร่วมเวทีปราศรัยด้วย เพราะเห็นว่า นายพิชัย เป็นผู้ใหญ่ มีบารมี และมีผู้ให้ความเคารพอยู่มาก แต่นายพิชัยติดภารกิจอยู่ที่ต่างประเทศ ทั้งนี้ เมื่อ 2 คืนที่ผ่านมา บรรดาผู้ใหญ่ของพรรคได้ไปพบปะหารือกันที่บ้านของนายโพธิพงษ์ ล่ำซำ กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรค เพราะแปลกใจข่าวที่บอกว่า นายพิชัย ออกมาวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการหาเสียงเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. แต่เมื่อทราบว่าท่านติดภารกิจอยู่ต่างประเทศ จึงเข้าใจว่าข่าวที่ออกมาสัมภาษณ์ไว้แล้วหลายวัน ซึ่งความจริงผู้ใหญ่ของพรรคที่ช่วยกันหาเสียงอยู่ตลอด หรือนายพิชัยอาจจะเข้าใจผิด เนื่องจากเวลาที่ตนและผู้ใหญ่ของพรรคคนอื่นๆ ลงไปหาเสียงไม่ได้ปรากฏเป็นข่าวเท่านั้น ส่วนที่ปรากฏเป็นข่าว เพราะไปกับม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ดังนั้น ตนจึงขอให้ประชาชนทุกคนมั่นใจว่า ผู้ใหญ่และคนเก่าแก่ของพรรคประชาธิปัตย์ทุกคนออกมาช่วยหาเสียง
นอกจากนี้ นายชวน ยังกล่าวอีกว่า ใครสั่งเผาบ้านเผาเมือง ไม่สามารถนิรโทษกรรมหรือมาสั่งลดโทษตัวเองได้ ดังนั้น ประชาชนต้องตัดสินใจเองว่า จะเลือกพรรคไหน บ้านเมืองต้องมีรอยต่อ อย่าให้ใครกินรวบ ซึ่งรอยต่อหมายถึง ระบบการตรวจสอบ คานอำนาจ เพราะทุกคนต้องอยู่ภายใต้ขอบเขต ไม่ใช้อำนาจข้ามกัน
นายกรณ์ จาติกวนิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวปราศรัยตอนหนึ่งว่า การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ครั้งนี้
การที่ประชาชนยังไม่ได้ตัดสินใจเลือกใครนั้น คงไม่ใช่ที่ตัวบุคคลหรือนโยบาย แต่เป็นเพราะอำนาจของฝ่ายตรงข้าม ส่วนการที่กลุ่มรัฐบาลไม่ให้พูดเรื่องเผาบ้านเผาเมืองนั้น ก็เพราะเป็นเรื่องที่แทงใจดำ ทั้งที่เรื่องดังกล่าวเป็นความจริงที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ แต่ฝ่ายรัฐบาลคงคิดว่า คนกรุงเทพฯ ลืมไปแล้ว ซึ่งตนอยากจะบอกว่า วันนี้เราลืมไม่ได้ เพราะในอนาคตรัฐบาลจะเอากรุงเทพฯ เป็นตัวประกัน และเอานำกรุงเทพฯ มาสู่สมรภูมิอีกครั้ง ขณะเดียวกัน หากคนของรัฐบาลจริงใจ ทำไมไม่เคยได้ยินคำขอโทษเลย และในช่วงที่เกิดเหตุการณ์ความวุ่นวายทางการเมือง ผู้สมัครของพรรคเพื่อไทยก็เป็นตำรวจอยู่ จึงอยากถามว่า ทำไมไม่ออกมาทำอะไรเพื่อคนกรุงเทพฯ บ้าง ซึ่งหากวันนี้ชาวกรุงเทพฯ ยังคิดไม่ออกว่าจะเลือกใคร ก็ขอให้ดูว่าใครจริงใจมากกว่ากัน