ที่ไหนได้ "หม่อมอุ๋ย" บอกขอเวลา 5 นาที มีข่าวสั้นๆ จะแถลง
"ตามที่มีการนำบุคคลบางคนในรัฐบาลทักษิณมาช่วยงานในรัฐบาลนี้ โดยให้เหตุผลว่า เพื่อให้ช่วยชี้แจงชาวต่างชาติในเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงนั้น ดูเป็นข้ออ้างที่ไม่สมจริง มีลักษณะปิดบังอำพรางวัตถุประสงค์ที่แท้จริง แม้ว่าขณะนี้เรื่องนี้ได้เลิกราไป แต่เป็นไปในลักษณะที่กำกวม ไม่เด็ดขาด และสายสัมพันธ์ก็ยังคงอยู่ต่อไป ดังจะเห็นได้ว่า บุคคลผู้เป็นตัวเชื่อมยังคงมีตำแหน่งทางการเมืองอยู่ในรัฐบาลชุดนี้
นอกจากนี้ รัฐมนตรีบางคนในรัฐบาลยังคงดำเนินการในลักษณะ เอื้อประโยชน์แก่ สื่อมวลชนบางราย เป็นการเฉพาะ แม้ว่าจะหมิ่นเหม่ต่อการผิดกฎหมายและ มีการแสดงออกหลายอย่างที่ทำให้ ดูเสมือนว่า รัฐบาลอยู่ภายใต้อิทธิพลของสื่อมวลชนรายนี้
ผมจึงไม่ต้องการทำงานภายในสภาวะที่มีการปิดบังอำพราง และในสภาวะที่ดูเสมือนว่า รัฐบาลอยู่ภายใต้อิทธิพลของคนบางกลุ่ม จึงยื่นหนังสือต่อนายกรัฐมนตรี ขอลาออกจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง เมื่อเช้าวันที่ 28 กุมภาพันธ์ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2550 เป็นต้นไป"
เซอร์ไพรส์อึ้งไปตามๆ กัน
ที่แน่ๆ เป็นการระบุเหตุผลในการลาออกที่แจ่มแจ้ง ชัดเจน ตรงไปตรงมามากที่สุด ในประวัติศาสตร์การลาออกจากตำแหน่งของรัฐมนตรีเลยก็ว่าได้
"หม่อมอุ๋ย" เปิดหมวกลาเพราะ 2 เหตุใหญ่ๆ
เรื่องแรก พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ตั้ง นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตห้องเครื่องทีมเศรษฐกิจรัฐบาลไทยรักไทย ช่วยงานรัฐบาลในการชี้แจงนโยบายเศรษฐกิจ พอเพียงกับต่างประเทศ โดยไม่ปรึกษา ครม.ล่วงหน้า
เรื่องที่สอง นายธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดช่องให้ นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ ออกอากาศรายการยามเฝ้าแผ่นดิน ทางช่อง 11
อุ้มให้ด่ากันมันปาก
ดูจากอาการเหมือนจะเป็นเรื่องของการน้อยใจสะสม
จะว่าไม่มีเค้าลางซะเลย ก็คงไม่ใช่ เพราะถ้าจับความเคลื่อนไหว ตั้งแต่วันที่ 27 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มันก็มีหลายอย่างให้แกะรอย
โดยเฉพาะกับอาการแปร่งๆ พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ผู้ช่วย ผบ.ทบ. และผู้ช่วยเลขาธิการ คมช. ออกมารับมุกกระแสข่าวลือ จะมีคนใน คมช.ลาออกไปเป็น รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง