ประยุทธ์ยันแก้ใต้ไม่รุนแรง

ภาพจาก คมชัดลึกภาพจาก คมชัดลึก


'ประยุทธ์' ยันแก้ใต้ไม่รุนแรง ด้าน'เฉลิม'เผยเชิญ'กลุ่มวาดะห์'นั่งที่ปรึกษาส่วนตัว ขณะที่'อังคณา' จี้ 'รัฐ' รื้อคดีตากใบ ให้ศาลตัดสินใครผิด-ถูก

 


18 ก.พ.56 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เรียกประชุมหน่วยงานด้านความมั่นคงเพื่อแก้ไขปัญหาสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เมื่อช่วงเช้าวันที่ 18 ก.พ.ที่ผ่านมาว่า เป็นการหารือในระดับรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) คณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์แก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้(กปต.) กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) และศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ซึ่งมีการพูดคุยว่า จะมีการปรับแผนกันอย่างไร แต่ในส่วนนโยบายเรามีความชัดเจนอยู่แล้ว โดยไม่ใช้ความรุนแรง และใช้กระบวนการทางกฎหมาย ซึ่งอยู่ภายใต้ความพึงพอใจของประชาชนโดยรวม และการอำนวยการความยุติธรรม รวมถึงการสร้างความเข้าใจ ให้ประชาชนมีส่วนร่วม และการพัฒนาอย่างยั่งยืนตามแนวทางเข้าใจ เข้าถึง พัฒนา


"นายกฯได้สั่งการว่า ให้ทุกหน่วยงานสร้างความรับรู้ให้กับประชาชนมากขึ้นว่า แนวทางแก้ไขปัญหาของทางรัฐเป็นอย่างไร เพราะรัฐบาลคงไม่สามารถตอบข้อมูลการปฏิบัติทั้งหมดได้ ผู้สื่อข่าวควรถามให้ตรงระดับจะทำให้ตอบได้หมด ถ้ารัฐบาลตอบระดับนโยบายได้ รายละเอียดปลีกย่อยทางหน่วยปฏิบัติต้องรายงานขึ้นไปอยู่แล้ว"พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว


พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ส่วนความเป็นไปได้ที่จะใช้ ม.21 ตาม พรบ.ความมั่นคงในทุกอำเภอของทุกพื้นที่นั้น คิดว่า ความจำเป็นในการใช้กฎหมายแต่ละฉบับแตกต่างกัน กฎอัยการศึกใช้ดำเนินการทันทีสามารถจับกุมควบคุมตัวได้ 3 วัน ซึ่งยังไม่สามารถสอบสวนข้อมูลได้ข้อยุติ ดังนั้นจึงต้องใช้มาตรการตาม พรก.ฉุกเฉินที่ควบคุมตัวได้ 10 วัน ซึ่งการใช้ พรบ.ความมั่นคงต้องพิจารณาดูความรุนแรง หากความรุนแรงลดลงจะใช้ พรบ.ความมั่นคง แทน พรก.ฉุกเฉิน ซึ่งในที่ประชุมได้หารือกันในเรื่องนี้ ขั้นตอนการใช้ ม.21 ยังอยู่ระหว่างการทบทวนของกระทรวงยุติธรรม เพราะมีคณะกรรมการ 2 ระดับพิจารณาอยู่ ท้ายที่สุด ผอ.รมน.จะเป็นคนอนุมัติใช้อำนาจส่วนนี้ทั้งเรื่องการอบรม การดำเนินคดีต่างๆ อยู่ที่คณะกรรมการเสนอขึ้นไป ทุกอย่างมีการดำเนินการมาตามลำดับ


วันนี้ไม่อยากใช้คำว่า ดีใจหรือเสียใจ แพ้หรือชนะ เพราะเป็นการต่อสู้ทางความคิดของคนไทยด้วยกัน เรื่องที่เกิดขึ้น ถ้าเรารบกับใครก็แล้วแต่ที่ไม่ใช่คนไทยก็น่าปลื้มใจ แต่วันนี้ต้องมารบกันเอง ถ้าผิดกฎหมายต้องว่ากันตามกฎหมาย ที่เสียใจคือ ครอบครัวเขาต้องเดือดร้อน อยากเตือนว่า เราเปิดโอกาสให้แล้ว ขอให้ออกมาพูดคุยกัน ถ้าไม่พอใจตรงไหน ถ้ายังรุนแรงแบบนี้จะพัฒนาอะไรไม่ได้แล้วจะกลับมาโทษรัฐไม่ดูแลอีก เพราะเมื่อเขาจะดูแลแต่กลับไม่ให้ดูแล ซึ่งจะเอายังไงต้องกลับมาพูดกัน สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการใช้ความรุนแรงต่อสู้กับอำนาจรัฐ ถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ซึ่งทุกฝ่ายได้รับผลกระทบจากการต่อสู้ทั้งสิ้น ถ้าเราไม่พอใจ ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากรัฐยังมีหลายวิธีที่จะมาแก้ปัญหา หรือหาทางออกร่วมกัน แต่ถ้าใช้ความรุนแรงเข้ามาแก้ปัญหาจะสำเร็จได้ยาก ทั้งนี้ เรามีทางออกให้มากมาย ทั้ง พรบ.ความมั่นคง มาตรา 21 รวมถึงพูดคุยในทุกระดับ ขออย่างเดียวอย่าถืออาวุธเข้ามาสู้กับเจ้าหน้าที่ เพราะไม่มีประเทศไหนโลกยินยอมได้ แม้ว่า จะได้รับความกดดันหรือความไม่เป็นธรรมอย่างไรก็ตาม จะมาอ้างว่า เหตุการณ์ตากใบ หรือ กรือเซะแล้วทำให้ฆ่าคนได้หรือ ไม่ใช่เอาเรื่องเก่าย้อนกลับมาพูดกันใหม่ ถ้าเป็นเช่นนั้นจะแก้ปัญหากันไม่จบ หากเจ้าหน้าทื่ผิดก็ว่าไปตามผิด เรื่องใหม่ก็ว่ากันใหม่”ผบ.ทบ.กล่าว


พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่ออีกว่า เรามีหลายทางในการแก้ปัญหา เรามีวิธีหาทางออกด้วยการพูดคุย ยืนยันว่า ฝ่ายรัฐจะแก้ปัญหาโดยไม่ใช้ความรุนแรง ทั้งนี้เราไม่เคยปล่อยให้เขาใช้ความรุนแรง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นอาจเป็นเหตุสุดวิสัย เพราะเราเป็นเจ้าหน้าที่ทำตัวเปิดเผยตลอดเวลา และช่วงเวลาที่รักษาความปลอดภัยมีเวลาที่แน่นอน ทำให้ฝ่ายตรงข้ามใช้เวลาดังกล่าวลอบทำร้ายเจ้าหน้าที่ ทั้งนี้สถานที่เกิดขึ้น เรามีความก้าวหน้ามาตามลำดับ การบังคับใช้กฎหมายไม่ใช่ว่า ใช้ฉบับใดฉบับหนึ่งแล้วจะเลิกหรือจบลงง่ายๆ ตราบใดที่ยังมีคนที่มีความคิดลักษณะนี้อยู่ เราจึงต้องพยายามอดทน และทุกหน่วยต้องแก้ปัญหาด้วยความนุ่มนวล โดยการบังคับใช้กฎหมาย เราไม่ได้ปฏิบัติการทางทหารอย่างเต็มรูปแบบ บางพื้นที่เป้าหมายมีความอ่อนแอมาก เราจึงต้องกระจายเป็นฐานทหารเล็กๆจึงไม่มีความเข้มแข็งเพียงพอ ซึ่งต้องมีการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับกำลังพลประจำถิ่นทั้งทหารพราน ตำรวจตระเวนชายแดน ตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษ อาสาสมัคร(อส.) ซึ่งรัฐบาลกำลังอนุมัติงบประมาณ โดยต้องใช้เวลาในการคัดเลือกคนเข้ามาปฏิบัติการ


"สิ่งแรกทุกคนต้องลดระดับการพูดเรื่องนี้ ไม่ใช่ปกปิด แต่เป็นการต่อสู้ทางการปฏิบัติการข่าวสาร ที่ฝ่ายโน้นพยายามลดความน่าเชื่อถือของรัฐบาลให้มากที่สุด ไม่มีทางไหนที่เขาจะประสบความสำเร็จได้นอกจากการประชาสัมพันธ์โดยที่เราอาจไม่เจตนา แต่เมื่อเสนอข่าวมาระดับหนึ่งก็ต้องหยุด มิเช่นนั้นจะเป็นการเปิดพื้นที่ข่าวให้เรื่องนี้โดยเฉพาะ ซึ่งเป็นสิ่งที่ฝ่ายตรงข้ามต้องการ สิ่งที่เกิดขึ้นในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมาต้องยุติแล้ว เพราะหากพูดอะไรต่อไปอาจส่งผลเสียต่อการแก้ปัญหาระยะยาว สิ่งสำคัญไม่อยากให้ต่างชาติมาให้ความสนใจมาก อย่าลืมว่า เราต้องทำยังไงที่จะรักษาชื่อเสียงประเทศชาติให้ได้ จะทำอย่างไรคนอื่นจะไม่เกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหาของเรา จะเห็นได้ว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นหลายปีแล้ว แต่ยังไม่ยกระดับขึ้นสู่สากล เพราะเราใช้แนวทางอย่างนี้มาตลอดตั้งแต่ปี 47 สิ่งที่หนักใจ คือ ประชาชนยังไม่ยอมรับการบังคับใช้กฎหมายว่า สำคัญกว่าอย่างอื่น ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ใช้กฎหมายอย่างระมัดระวังไม่ได้ใช้อำนาจบาตรใหญ่ หรือทำร้ายผู้จับกุม ถ้าเจ้าหน้าที่ผิดต้องดำเนินคดี ไม่มีใครอยากบังคับใช้กฎหมาย คิดว่า เป็นสิ่งทีดีหรือที่ไปยืนให้คนเขาว่า หรือด่าว่า ทำให้การสัญจรไปมาไม่สะดวก หรือการเฝ้าด่านตรวจรถทุกคันไม่ใช่เรื่องสนุก อยากให้คนหลงผิดกลับมาพูดคุยกัน ต้องเข้าใจกันและกัน เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นสงครามสมัยใหม่ ต่อสู้ด้วยวิธีความคิด และวิธีการรุนแรง ผสมกับภัยแทรกซ้อนหลายๆปัญหา ส่งผลให้สถานการณ์รุนแรงขึ้นในบางขณะ”ผบ.ทบ.กล่าว


พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อไปว่า การแก้ไขปัญหาตั้งแต่ปี 2547 หลังจากมีการปล้นปืนนั้น ในระยะที่หนึ่ง เราได้ส่งกำลังจากกองทัพภาคที่ 1-3 ลงไปเสริมความเข้มแข็ง จนถึงขณะนี้อยู่ในระยะที่สอง คือ การสร้างความเข้มแข็งให้ทุกภาคส่วนจัดตั้งอส.ขึ้นมา ถ้าเหตุการณ์เรียบร้อย หรือยุติก็ต้องมีการถอนทหารกลับมารับผิดชอบในพื้นที่ตัวเอง แต่วันนี้กองทัพภาคที่ 4 กำลังไม่พอจึงต้องมีการผลิตกำลังเพิ่ม ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาฝึก 5 ปีอย่างต่ำกว่าจะรบได้ ทั้งนี้คาดว่า จะก้าวไปในขั้นที่สามโดยเร็วที่สุด ซึ่งเป็นเรื่องของรัฐบาลที่จะตัดสินใจ แต่ในส่วนของฝ่ายตรงข้ามเขามีการดำเนินการอยู่ 7 ขั้น แต่เราหยุดเขาได้ในขั้นที่ 6 ตั้งแต่ปี 2547 เนื่องจากไม่มีการเสียดินแดน ไม่มีการพื้นที่ใดที่เจ้าหน้าที่เข้าไม่ได้ ถือเป็นความสำเร็จ แต่สิ่งที่ยังไม่สำเร็จ คือ ยังมีการลอบทำร้ายเจ้าหน้าที่ แต่ถ้าใช้วิธีการทางทหารเขาไม่น่าสู้เราได้ ทั้งนี้ในต่างประเทศเขาตั้งค่ายคู ประตูหอรบกำหนดพื้นที่ชัดเจนใครเข้า-ออกต้องตรวจค้นรถทุกคัน ซึ่งประเทศเราทำอย่างนั้นไม่ได้ ขณะนี้อยากให้ปัญหาภาคใต้สู่สันติสักภาคหนึ่ง ไม่ใช่เกิดไปทุกพื้นที่ เพราะประเทศไทยจะอยู่ลำบาก


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์