นางสดศรี สัตยธรรม คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการพรรคการเมือง และการออกเสียงประชามติ
ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 31 มกราคม ที่ผ่านมา ถึงความคืบหน้า กรณีการไต่สวนวินิจฉัย สมาชิกภาพความเป็น ส.ส.ของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ต้องสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 102 (6) ประกอบมาตรา 106 (5) หรือไม่ หลังจากที่กระทรวงกลาโหมมีคำสั่งปลดจากราชการทหาร ตามคำร้องของ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ว่า คงต้องใช้เวลาอีกสักระยะในการสอบปากคำบุคคลที่เกี่ยวข้อง ขอเรียกเอกสารคำส่งปลดตัวจริงจากกระทรวงกลาโหม เพื่อประกอบการพิจารณา อีกทั้งยังต้องดูว่าคำสั่งปลดนั้นมีผลย้อนหลังหรือไม่ ทั้งนี้ คณะอนุกรรมการที่ไต่สวนกรณี นายอภิสิทธิ์ ก็เป็นคนละชุดกับที่ไต่สวนกรณี นายก่อแก้ว แม้ว่า นายเรืองไกร ผู้ร้องในทั้งสองคำร้องนั้น จะมองว่าทั้งสองกรณีนี้คล้ายกัน แต่ กกต.มองว่า มีความแตกต่างกัน เนื่องจาก นายก่อแก้ว ถูกเพิกถอนสิทธิประกันตัว ส่วน นายอภิสิทธิ์ ถูกปลดออกจากราชการทหาร
ส่วนกรณีที่ นายสุนัย จุลพงศธร ได้ยื่นหนังสือถึงประธานสภาฯ เพื่อให้ส่งต่อไปยังศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยสมาชิกภาพส.ส. นายอภสิทธิ์ นั้น
นางสดศรี กล่าวว่า เป็นคนละส่วนกับการทำงานของ กกต. เพราะเป็นการใช้อำนาจของฝ่ายนิติบัญญัติ ผ่านระบอบรัฐสภาฯ ตามมาตรา 91 ซึ่ง หากประธานสภาฯส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญตามกระบวนการแล้ว กกต.ก็ยังคงเดินหน้าไต่สวนหาข้อเท็จจริงในกรณีนี้ต่อไป