วันนี้ (30 ม.ค.) ที่รัฐสภา ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่กลุ่ม 29 มกรา ฯปลดปล่อยนักโทษการเมือง
ระบุว่าจะรวมตัวกันมาเพื่อฟังคำตอบที่ชัดเจนจากรัฐบาลเรื่องนิรโทษกรรมในช่วงปิดสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในเดือนเม.ย.นี้ทำให้มีกระแสว่าเกิดจากความขัดแย้งภายในกลุ่มคนเสื้อแดงด้วยกันเอง ว่า ตนไม่ทราบเพราะไม่ได้คุ้นเคยกับเขามาตั้งแต่ต้น เมื่อนายกรัฐมนตรีมอบหมายให้ไปรับข้อเสนอก็ไป แต่จะให้ไปรับในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ในทันทีคงไม่ได้ เพราะต้องนำข้อเสนอจากหลายส่วน รวมทั้งความเห็นที่คณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจสอบแล้วมาพิจารณาส่วนข้อเสนอให้แก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อนำไปสู่การนิรโทษ ที่ผ่านมาไม่เคยมีกรณีเกิดขึ้นมาก่อนเพราะการจะยกเว้นโทษต้องออกเป็น พ.ร.บ.หรือ พ.ร.กในฐานะที่อยู่ในการเมืองมานานมองว่าถ้าออกเป็น พ.ร.ก.ก็จะถูกยื่นตีความและสุดท้ายก็เป็นโมฆะเพราะไม่สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญมาตรา 184
“ขอย้ำว่ารัฐบาลต้องทำทุกภาคส่วน จะไปเลือกเฉพาะส่วนหนึ่งส่วนใดไม่ได้ และนายกฯได้สั่งการด้วยวาจาให้ติดตามดูเรื่องนี้ ดังนั้นผมต้องฟังทั้งกฤษฎีกาและหลายส่วน จะไปตัดสินใจทำคนเดียวไม่ได้ บ้านเราต้อใช้หลักนิติรัฐ นิติธรรม แต่ที่ให้ผมไปยืนยันคำตอบทันทีผมก็อยากทำให้ถ้าทำได้ แต่เมื่อกฎหมายทำไม่ได้ก็ไม่ไปชี้แจง มีเพียงพล.ต.ต.ธวัช บุญเฟื่อง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ไปชี้แจงเท่านั้น ” ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว
เมื่อถามว่าเกรงว่าคนเสื้อแดงจะไม่พอใจ จนขยายผลรุนแรงขึ้นหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า
มั่นใจว่าไม่มี เพราะเมื่อตนพูดชี้แจงไปแล้วว่าต้องฟังเหตุผล จากหลายส่วน กลุ่มคนเสื้อแดงเขาก็ทยอยเดินทางกลับ ส่วนเขาจะน้อยใจหรือไม่ตนไม่ทราบ ส่วนที่ตนกล่าวกับกลุ่ม 29 มกราฯ ว่าที่ได้เป็นรองนายกฯวันนี้เพราะการต่อสู้ของคนเสื้อแดงนั้น ก็ยอมรับความจริงว่าการรณรงค์เมื่อช่วงหาเสียงเลือกตั้งเสื้อแดงเขาช่วยจริง แต่ถึงจะเป็นพรรคพวกกันจะทำอะไรก็ต้องยึดกฎหมาย และต้องให้นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ และแกนนำเสื้อแดง ไปพูดคุยทำความเข้าใจเพราะเขามีความผูกพันกันอยู่ และเชื่อว่าสุดท้ายในหลายภาคส่วนสร้างความเข้าใจกันได้ ไม่ใช่เป็นรัฐบาลแล้วจะทำอะไรได้ตามใจชอบเพราะสังคมส่วนใหญ่เขาจะรับเราได้หรือไม่
เมื่อถามว่าร่างพ.ร.บ.ปรองดอง ที่ได้เสนอแนวคิดไว้ 6มาตรานั้นจะต้องนำออกมาใช้หรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ความคิดตนยังเหมือนเดิมให้ออกเป็น 6 ฉบับ 6 มาตรา ถ้าเรียกใช้ก็พร้อมนำเสนอแต่ไม่ใช่ต้องเอามาโชว์ ซึ่งหลักการใหญ่คือต้องคลอบคลุมทุกส่วน ไม่ใช่ใครคนใดคนหนึ่ง.