ชูวัส Wake Up Thailand” พร้อมขอโทษด้วยใจจริงกรณีพูดถึงอาการป่วย เอ๋ เนชั่น
หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ข่าวการเมือง ชูวัส Wake Up Thailand” พร้อมขอโทษด้วยใจจริงกรณีพูดถึงอาการป่วย เอ๋ เนชั่น
จากกรณี นายชูวัส ฤกษ์ศิริสุข หนึ่งในผู้ดำเนินรายการ “Wake Up Thailand” ทางสถานีโทรทัศน์ Voice TV แสดงความคิดเห็นตอนหนึ่ง เมื่อวันที่ 11 มกราคม ถึงกรณีเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลพระมงกุฎ ปฏิเสธไม่นำรถพยาบาลส่งนายสกล สนธิรัตน์ ช่างภาพเครือเนชั่น ไปโรงพยาบาล ขณะมีอาการเส้นเลือดในสมองแตกว่า ไม่เชื่อว่านักการเมืองจะไร้มนุษยธรรม แต่เป็นปัญหาการแพทย์ เป็นปัญหาการสื่อสารระหว่างบุคลากรการแพทย์กับผู้ป่วย "ดีที่เรื่องนี้ไม่ดราม่ามากเกินไป แต่ถามว่าหมอ อยู่ที่นั่นหรือไม่ อยู่แล้ว คุณหมอ พยาบาล อยู่ที่นั่นอยู่แล้ว ทำไมต้องไปโรงพยาบาล" นายชูวัส กล่าวในรายการ
ต่อมา "ชมรมช่างภาพการเมือง" โดยนายฉลาด จันทร์เดช ประธานชมรมช่างภาพการเมือง ออกแถลงการณ์ ระบุว่า พิธีกรรายการ “Wake Up Thailand” พูดโดยไม่ได้อยู่ในสถานการณ์จริง และไม่รู้ว่าอาการของผู้ป่วยในขณะนั้นเป็นอย่างไร มีอุปกรณ์มากเพียงพอในการรักษาที่อาคารรัฐสภาหรือไม่ การพูดออกอากาศต่อสาธารณชนดังกล่าวสร้างความเสียหายต่อสื่อมวลชนประจำรัฐสภา เป็นอย่างมาก และ เรียกร้องให้พิธีกรในรายการ “Wake Up Thailand” นำความจริงมาพูด และควรจะขอโทษ นายสกลและคณะกรรมการของชมรมช่างภาพการเมือง เพื่อเป็นการขอโทษเพื่อนสื่อด้วยกัน ที่ยังนอนรักษาตัวอย่างไร้สติ ที่ห้องไอซียู โรงพยาบาลกลาง
กรณีดังกล่าว มีความเห็นร่วมกันและความเห็นแตกต่างกันในโลกออนไลน์ตามมา อาทิ "ใบตองแห้ง" คอลัมน์นิสต์ โพสต์ข้อความในเฟซบุคส่วนตัว ระบุว่า ไม่เห็นด้วยที่นายชูวัสมองข้ามประเด็นสะเทือนใจว่ารถพยาบาลของสภาไม่นำนาย สกลไปส่งโรงพยาบาล โดยอ้างว่ามีไว้ให้ ส.ส. สว.เท่านั้น แต่คำพูดทั้งหมดไม่มีตรงไหนที่ เป็นการ "หยาม" นายสกล อย่างที่สื่อบางฉบับนำไปพาดหัว ดังนั้น ไม่จำเป็นต้องขอโทษ เนื่องจากไม่ได้ล่วงเกินนายสกล แต่อาจต้องเคลียร์กับช่างภาพและผู้สื่อข่าวด้วยกัน
"คำถามคือชูวัสพูดว่า สมควรปล่อยให้เอ๋ตายโดยไม่ส่ง ร.พ.หรือ
และชูวัสพูดว่า เอ๋ดรามา แกล้งป่วย อย่างนั้นหรือ
โอ เค ชูวัสอาจพูดระคายหู ว่าพวกเพื่อนนักข่าวช่างภาพดรามาเกินไป แต่นั่นคือปัญหาระหว่างชูวัสกับพวกเพื่อนนักข่าวช่างภาพ ไม่ใช่ระหว่างชูวัสกับเอ๋
ผมก็ไม่ได้เห็นด้วยกับชูวัส ที่มองข้ามประเด็นสะเทือนใจว่ารถพยาบาลของสภาไม่นำเอ๋ไปส่ง โดยอ้างว่ามีไว้ให้ ส.ส. สว.เท่านั้น แต่คำพูดทั้งหมดไม่มีตรงไหนที่ "หยาม" เอ๋ อย่างที่ผู้จัดการเอาไปพาดหัว และอย่างที่ Surawich Verawan 刘永真 เอามาโพสต์อย่างถ่อยๆ ว่า "อำมหิต" เพราะประเด็นก็คือชูวัสกลับไปตั้งแง่กับเพื่อนผู้สื่อข่าวช่างภาพ และไม่เห็นด้วยที่ไปต่อว่าหมอ พยาบาล ก็เหมือนเวลาญาติคนป่วยไม่พอใจ ต่อว่าหมอ พยาบาล แล้วมีคนไม่เห็นด้วย แปลว่าเขาอยากให้คนไข้ตาย อย่างนั้นหรือ
นี่คือผลงานอีกชิ้นของผู้จัดการและสุรวิชช์ผู้ถนัดใน การบิดประเด็นให้ร้าย จากคำพูดที่อาจดูว่าผิดกาละเทศะ กลายเป็นอยากให้เพื่อนตาย หากินกับคนป่วย เพื่อให้ร้ายคนที่มีความเห็นตรงข้าม
ฉะนั้นไม่มีความจำเป็นอะไรที่ พิธีกร Wake Up จะต้องไปขอโทษเอ๋ เพราะเขาไม่ได้ล่วงเกินเอ๋เลย ถ้าจะมีก็คือเคลียร์กับพวกผู้สื่อข่าวช่างภาพด้วยกัน ซึ่งประธานชมรมช่างภาพควรตั้งสติกลับไปดูเทปใหม่ ถ้าเขาด่าคุณ คุณก็ตอบโต้เขา อย่าอาศัยความสะเทือนใจเรื่องเอ๋มาโจมตี จะกลายเป็นดรามาไปจริงๆ"
ขณะที่ผู้สื่อข่าวอาวุโส อย่าง "นิธินันท์ ยอแสงรัตน์" มาให้ความเห็นในสเตตัสดังกล่าวของ "ใบตองแห้ง" ว่า แม้จะเห็นด้วยกับ "ใบตองแห้ง" ส่วนหนึ่ง แต่ก็เห็นว่า "ชูวัส" ควรจะขอโทษที่ทำให้ญาติพี่น้องและเพื่อนๆ ของช่างภาพคนดังกล่าวเข้าใจผิดว่าไม่ใส่ใจอาการป่วย และระบุว่าในฐานะสื่อต้องทบทวนตัวเองหากทำให้ผู้อื่นไม่สบายใจโดยอาจมี สาเหตุจาก "การสื่อสารที่ไม่ดี"
"ก็จริงส่วนหนึ่งนะ โดยเฉพาะที่ว่าผู้จัดการเว่อร์ แต่ถ้าเป็นพี่ พี่ขอโทษว่ะ ว่าทำให้ญาติพี่น้องเพื่อนฝูงของเอ๋เข้าใจผิดว่า ไม่ใส่ใจการป่วยของเอ๋ เราเป็นสื่อ ทำให้คนไม่สบายใจ ก็ต้องมองตัวเองด้วยว่า เราอาจสื่อสารไม่ดี เรื่องแบบนี้ไม่ควรมีทิฐิ"
จากนั้นมีผู้แสดงความคิดเห็นแย้งว่า นายชูวัส ไม่ควรขอโทษ
ขณะที่ "นิธินันท์" ย้ำอีกครั้งว่า "ชูวัส" ควรขอโทษ โดยชี้ให้เห็นว่า คนที่มีความรู้สึกมากคือญาติพี่น้องและเพื่อนฝูงผู้ป่วยและขอให้นึกถึงใจเขา ใจเรา
"ไม่คิดว่าต้องขอโทษแบบกราบเท้าขอขมาตาม คำสั่งอันวางท่าใหญ่โตนะ แต่ถ้าเป็นเรา เราจะขอโทษญาติพี่น้องเอ๋ในรายการสนทนาตามปกติน่ะ ขอโทษเผื่อว่าทำให้ไม่เข้าใจและไม่สบายใจ แต่ไม่ตามเคลียร์กับพวกผู้สื่อข่าวช่างภาพที่จ้องจะเว่อร์กับเรา"
"คนที่เขารู้สึกเยอะๆ คือพวกญาติพี่น้องเพื่อนฝูงผู้ป่วย เขาก็รู้สึกว่าเอ๊ะ เอ๋เจ็บหนักนะ ยังไม่ฟื้นเลย พูดได้ไงว่า ไม่เห็นต้องไปโรงพยาบาล อย่าเอาชนะคะคานเรื่องแบบนี้ด้วยการบ่นว่าคนโน้นคนนี้ดราม่าเลย นึกถึงใจเขาใจเราให้มากๆ"
สำหรับเฟซบุคส่วนตัวของ "นิธินันท์" แสดงความเห็น กรณีผู้ดำเนินรายการ Wake Up Thailand โดยการขึ้นสเตตัสว่า ความเป็นความตายของคนไม่ใช่เรื่องสำหรับนำมาวิจารณ์เรื่อยเปื่อย โดยเฉพาะ การวิพากษ์วิจารณ์การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่หน่วยแพทย์ประจำรัฐสภาในกรณี คุณสกลนั้น มิใช่เพราะคุณสกลเป็นคนในวงการสื่อสารมวลชน แต่เพราะคุณสกลเป็น "คน" ที่มีสิทธิและศักดิ์ของคน อีกทั้ง อาการเช่นนี้ เคยเกิดขึ้นกับ "ตี้ กรรมาชน" เพื่อนผู้ล่วงลับ เคยมีอาการแบบเดียวกันนี้ และหลายๆคนที่อยู่แวดล้อมก็เคยคิดว่า ไม่เป็นไร ยังพูดโต้ตอบได้ คงไม่เป็นไร แต่ความจริงคือ "เป็น" การพูดจาโต้ตอบได้บ้างของผู้ป่วย มิได้เป็นเครื่องหมายของความปลอดภัยเสมอไป
"งานนี้พิธีกรรายการ Wake Up Thailand ของวอยซ์ทีวี พูดไม่สวย
ความ เป็นความตายของคนไม่ใช่เรื่องสำหรับเอามาวิจารณ์กันเรื่อยเปื่อย จริงอยู่ แม้จะมีแพทย์และเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลพระมงกุฎออกมาแก้ข่าวแล้วว่า ไม่ได้ปฏิเสธ ไม่ได้ชักช้า ทำตามขั้นตอน บรรดาผู้อยู่ในเหตุการณ์ก็ยังสงสัยว่าถ้าผู้ป่วยเป็นคนอื่นที่มีชื่อเสียง จะเร็วกว่านี้ไหม และถ้าเร็วกว่านี้ อาการคุณสกลจะดีกว่านี้ไหม?
นอกจากนั้น ก็เป็นความจริงว่า มีเจ้าหน้าที่ชั้นผู้น้อยที่อยู่ในเหตุการณ์พูดว่า ไม่กล้านำรถพยาบาลพาช่างภาพไปส่งโรงพยาบาลเพราะกลัวถูกผู้ใหญ่ดุ เนื่องจากเป็นรถสำหรับ สว สส ของรัฐสภา
ถ้าไม่มีเจ้าหน้าที่พูดอย่างนี้ คำอธิบายของโรงพยาบาลพระมงกุฎอาจน่าฟังกว่านี้
โปรด ทราบว่า นักข่าว ช่างภาพ มิได้มีสิทธิพิเศษเหนือผู้ใดในสังคม การวิพากษ์วิจารณ์การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่หน่วยแพทย์ประจำรัฐสภาในกรณี คุณสกลนั้น มิใช่เพราะคุณสกลเป็นคนในวงการสื่อสารมวลชน แต่เพราะคุณสกลเป็น "คน" ที่มีสิทธิและศักดิ์ของคน คุณสกลและญาติพี่น้องมิตรสหายของคณสกล มีสิทธิสงสัยว่าคุณสกลได้รับการปฏิบัติอย่างคนเสมอคนหรือไม่ และหากกรณีนี้ไม่ใช่คุณสกล แต่เป็นแม่ค้าขายน้ำในรัฐสภา ก็ต้องพิจารณาแบบเดียวกัน
ครั้งหนึ่ง นานมาแล้ว คุณตี้ กรรมาชน เพื่อนผู้ล่วงลับ เคยมีอาการแบบเดียวกันนี้ และหลายๆคนที่อยู่แวดล้อมก็เคยคิดว่า ไม่เป็นไร ยังพูดโต้ตอบได้ คงไม่เป็นไร แต่ความจริงคือ "เป็น" การพูดจาโต้ตอบได้บ้างของผู้ป่วย มิได้เป็นเครื่องหมายของความปลอดภัยเสมอไป
คนทั่วไปยังมีความรู้ ความเข้าใจเรื่องการเจ็บไข้ได้ป่วยและการรักษาโรคน้อยบ่อยครั้งคนไข้และผู้ เกี่ยวข้องกับคนไข้มักโกรธหมอว่าไม่รักษาทั้งๆ ที่หมอรักษาแล้วหรือกำลังรักษาตามขั้นตอน หากคนไข้และผู้เกี่ยวข้องกับคนไข้ไม่เข้าใจ แต่บ่อยครั้งก็มีเหตุที่คนไข้และผู้เกี่ยวข้องกับคนไข้สมควรหงุดหงิดกับหมอ พยาบาล และคนทำงานฝ่ายต่างๆ ในโรงพยาบาล...... "
จากนั้น มีผู้แสดงความไม่เห็นด้วย กับแถลงการณ์ของชมรมช่างภาพการเมือง ขณะที่ นิธินันท์ ชี้แจงว่า
"คุณ...คะ สำนวน วิธีพูดอย่างไรแบบไหนของประธานชมรมช่างภาพการเมืองที่ไม่เห็นด้วยนั่นก็อีก เรื่องนะคะ แต่เรื่องนี้คุณชูวัสต้องยอมรับค่ะว่าพลาดที่บอกว่าผู้ป่วยไม่ต้องไปโรง พยาบาลก็ได้ เราไม่จำเป็นต้องเอาข้อบกพร่องของอีกฝ่ายมาเพื่อแสดงว่า เขาก็ไม่ได้เรื่องเหมือนกันละน่า แต่ดิฉันก็ไม่ได้สรุปว่า คุณกำลังทำอย่างนั้น เพียงแต่ติงเอาไว้เผื่อมีใครคิดอย่างนั้น นะคะ"
"...ถ้าเราเผลอ "เลือกข้าง" มากไป ใส่อคติว่าพวกนักข่าวทำเรื่องนี้เป็นดรามาด่านักการเมือง เราก็จะเทความเชื่อไปเลยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่รัฐสภา หน่วยแพทย์ทำถูกต้องแล้วร้อยเปอร์เซนต์ แต่มันเทความเชื่ออย่างนั้นไม่ได้ เพราะมีเจ้าหน้าที่ชั้นผู้น้อยพูดว่า เอารถพยาบาลออกไม่ได้ เพราะเป็นรถของ สส สว ไงคะ
คือเราก็สามารถรอดูอาการของผู้ป่วยได้ที่โรงพยาบาลใช่ไหมคะ
ดิฉันเชื่อมั่นแพทย์ของโรงพยาบาลท่านที่ออกมา แถลงข่าวค่ะว่าแพทย์มิได้เลือกรักษา แต่ยังขอตั้งสงสัยการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่หน่วยแพทย์บางท่านที่รัฐสภา และยังยืนยันว่า คุณชูวัสกับทีมพิธีกรเวคอัพไทยแลนด์ นำเสนอเรื่องนี้แบบมีอคติมากไปหน่อย ประมาณว่า ฝ่ายแพทย์รัฐสภาทำทุกอย่างถูกต้องร้อยเปอร์เซนต์ (รวมถึงคำกล่าวเรื่องเอารถพยาบาลออกไม่ได้?) ฝ่ายสื่อเว่อร์ไปเอง"
"เอาอย่างนี้ค่ะ คือชูวัสและพิธีกรร่วมไม่ได้บอกว่า ไม่ควรเอารถพยาบาลไปใช้ แต่ภาพรวมของรายการวันนั้นเกี่ยวกับเรื่องนี้ คือออกแนวสื่อเว่อร์ ทำให้เกิดความคิดไปได้ว่า ไม่ได้อาทรความเจ็บป่วยของคุณสกลเท่ากับประเด็นจะด่าสื่อ ซึ่งไม่เกี่ยวกับว่า ใจจริงเป็นอย่างไรนะคะ และในสถานการณ์อย่างนี้ คุณสกลยังอาการไม่ดี คือสรุปว่า ถ้าเป็นดิฉัน ดิฉันก็จะขอโทษผู้เกี่ยวข้องกับคุณสกลที่ทำให้เข้าใจผิดค่ะ และถ้าจะอธิบายต่อในแง่ของการรักษาพยาบาลเพื่อความเข้าใจของสังคม ก็จะให้แพทย์อธิบาย"
หลังจากนั้น "นิธินันท์" โพสต์สเตตัส อีกครั้งโดยแนะนำให้พิธีกร Wake Up Thailand ขอโทษที่ทำให้ผู้อื่นเข้าใจผิด ขณะเดียวกัน "ชูวัส" ได้เข้ามาคอมเมนท์ โดยระบุว่า ตั้งใจขอโทษด้วยใจจริง
"โลกโซเชีลยมีเดีย โกโซบิ๊กกันง่ายดี ดังนั้น แม้ข้าพเจ้าจะบอกว่าพิธีกรเวคอัพไทยแลนด์พูดไม่สวย ในกรณีช่างภาพรัฐสภาเส้นโลหิตในสมองแตกเพราะมัวแต่เน้นเรื่องสื่อเว่อร์ จนอาจทำให้เข้าใจได้ว่าไม่สนใจอาการผู้ป่วยว่าหนัก ก็ขอให้กำลังใจพิธีกรเวคอัพไทยแลนด์ ว่าท่านทั้งหลายไม่ใช่ฆาตกร ไม่ใช่ใจดำอำมหิตอย่างที่มีบางเสียงกล่าวหา นอกจากนั้น ท่านยังพยายามอธิบายปัญหาคลาสสิกคือการสื่อสารที่ไม่รู้เรื่องกัน ซึ่งเกิดขึ้นเสมอระหว่างแพทย์กับผู้ป่วยและญาติพี่น้องเพื่อนฝูงของผู้ป่วย และบ่อยๆไป คนทำสื่อทั่วไปก็ไม่รู้ขั้นตอนการรักษาของแพทย์เหมือนกัน
ให้กำลังใจแพทย์ด้วยค่ะ แต่ขอไม่ปลื้มกับเจ้าหน้าที่ที่บอกว่า รถพยาบาลมีไว้สำหรับ สส สว นะคะ
อนึ่ง ความเห็นส่วนตัวของข้าพเจ้า ซึ่งพิธีกรเวคอัพไทยแลนด์ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย/ปฏิบัติตาม และไม่ได้แปลว่าเมื่อไม่เห็นด้วย ไม่ปฏิบัติตามคือท่านเลว ก็คือ ข้าพเจ้าเห็นว่า เมื่อเราซึ่งเป็นสื่อ สื่อสารอะไรไปแล้วทำให้มีคนเข้าใจผิด ไม่สบายใจ เสียใจ ต่างๆ นานาๆ เราก็ขอโทษที่ทำให้เขาเข้าใจผิดจนเสียใจได้ ไม่จำเป็นต้องกราบเท้าขอขมาฯ อะไรหรอก เว่อร์ เพราะท่านไม่ได้ให้ร้ายอะไรช่างภาพซึ่งเป็นผู้ป่วย แต่มันมีกรณีพลาดขณะพูด คล้ายผิดจังหวะ ผิดกาละเทศะ ก็ขอโทษไป แก้ไขได้ก็แก้ไขไป พูดในรายการของท่านเอง... เท่านั้นแหละ"
"Chuwat Rerksirisuk : ขอบคุณครับ ผมตั้งใจขอโทษด้วยใจจริงครับ"
ขณะที่ "ดร.เกษียร เตชะพีระ" โพสต์สเตตัสหัวข้อ "กรณีคุณชูวัสกับนักข่าวช่างภาพ" โดยมีเนื้อหาว่า
"ผมคิดว่าที่คุณใบตองแห้งแสดงความเห็นนั้น จริง แต่ขณะเดียวกันก็คิดว่าข้อแนะนำของคุณนิธินันท์มีเหตุผลน่าทำ ส่วนที่แย่ที่สุดและต่ำเรี่ยติดดินก็เจ้าเก่าคือสำนักผู้จัดการ/เอเอสทีวี "ด่าทั้งแผ่นดิน ข้าดีคนเดียว" "