กห.เพิกถอนบรรจุแต่งตั้งมาร์คแล้ว

              กระทรวงกลาโหม ได้เผยแพร่คำสั่งกระทรวงกลาโหมที่ 1/2556 เรื่อง "เพิกถอนคำสั่งกระทรวงกลาโหม" ลงนามโดย พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลงวันที่ 2 ม.ค. 2556 โดยหนังสือดังกล่าว ระบุว่า มีหลักฐานเป็นที่ยุติว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้สมัครเข้ารับราชการในโรงเรียนนายร้อย จปร.

           โดยเป็นผู้ที่ขาดคุณสมบัติบรรจุเข้ารับราชการ เป็นข้าราชการกลาโหมพลเรือนชั้นสัญญาบัตร อันมีมูลเหตุจากนายอภิสิทธิ์ เป็นบุคคลที่ไม่ผ่านการรับราชการทหารกองประจำการ ไม่ผ่าน (ขาด) การตรวจเลือกทหารกองเกินเข้ากองประจำการโดยไม่ได้รับการผ่อนผันตามกฎหมาย ไม่มีเอกสารใบสำคัญทางทหารหรือเอกสารผ่อนผัน 

           ดังนั้นคำสั่งให้บรรจุนายอภิสิทธิ์ เป็นข้าราชการพลเรือนชั้นสัญญาบัตร เป็นนายทหารสัญญาบัตรมียศ ว่า ร.ต. เป็นคำสั่งที่ออกด้วยความผิดหลง และที่มาจากความไม่สุจริต จึงเป็นคำสั่งที่มิชอบด้วยกฎหมาย แต่เป็นคำสั่งที่ยังมีผลบังคับให้ผู้ที่เกี่ยวข้องจำต้องปฏิบัติตามต่อไป อีกทั้งสิทธิและหน้าที่ประโชยน์ที่ได้รับจากคำสั่งมิชอบด้วยกฎหมายนั้นยังคงมีอยู่ถึงปัจจุบัน และอนาคต ทำให้รัฐและราชการของกระทรวงกลาโหมเสียหาย 

จึงมีความจำเป็นและมีเหตุผลอันสมควรให้เพิกถอนคำสั่งดังกล่าว ประกอบด้วย

          1. คำสั่งกระทรวงกลาโหมที่ 720/30 ลงวันที่ 7 ส.ค. 30 เรื่องบรรจุบุคคลเข้ารับราชการ เฉพาะในรายหมายเลขหนึ่ง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หมายเลขประจำตัว 6302030807 คุณวุฒิ Bachelor of Arts (Philosophy , Politics and Economics) แห่ง University of Oxford ประเทศอังกฤษ เป็นข้าราชการกลาโหมพลเรือนชั้นสัญญาบัตร ตำแหน่ง รรก.อจ.ส่วนการศึกษา ร.ร.จปร. (ขกท.2701) (อัตรา พ.ต.) รับเงินเดือน ระดับ น.1 ขั้น 3 (2,765 บาท)

          2. คำสั่งกระทรวงกลาโหมที่ 339/31 ลงวันที่ 22 เม.ย. 31 เรื่องแต่งตั้งข้าราชการกลาโหมพลเรือนเป็นนายทหารสัญญาบัตร เฉพาะในรายหมายเลข 1 ว่าที่ร้อยตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หมายเลขประจำตัว 6302030807 รรก.อจ.ส่วนการศึกษา ร.ร.จปร. (เหล่า สบ.)ทั้งนี้ คำสั่งในข้อ 1 ตั้งแต่ 7 ส.ค. 30 และข้อ 2 ตั้งแต่ 26 เม.ย. 31

"มาร์ค"ข้องใจคำสั่งกลาโหมขัดกันเอง

           นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนได้ของขวัญปีใหม่จากพล.อ.อ.สุกำพลอีก 1 ชิ้น ซึ่งพล.อ.อ.สุกำพลคงจะได้คดีกลับเพิ่มไปอีกคดีเช่นกัน ทั้งในส่วนที่ตนได้ฟ้องร้องต่อศาลปกครองและคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตนคิดว่าพฤติกรรมดังกล่าวยิ่งตอกย้ำความไม่สุจริตของการดำเนินการทั้งหมด

           ทั้งนี้ขอตั้งข้อสังเกตว่าประเด็นนี้เกิดขึ้นหลังจากที่พล.อ.อ.สุกำพลบอกเมื่อปีที่แล้วว่าตนเป็นทหาร เมื่อทำผิดก็ต้องถูกปลดออกจากราชการ ซึ่งจะทำให้ตนขาดคุณสมบัติความเป็นส.ส. แต่เมื่อตนยืนยันหัวเด็ดตีนขาดว่าตนเป็นทหารและวันนี้พล.อ.อ.สุกำพลมาเพิกถอนคำสั่งที่รับตนเป็นทหาร แล้วให้มีผลย้อนหลัง ก็ยังรู้สึกงงๆว่าตกลงไม่ให้เป็นทหารขณะเดียวกันก็ปลดออกจากทหารด้วย ดังนั้นคำสั่งจึงถือว่ามีความขัดแย้งกันในตัว และข้อเท็จจริงก็คลาดเคลื่อน ซึ่งก็คงจะต้องไปว่ากันที่ศาลปกครอง และป.ป.ช.ต่อไป