ปิดฉาก!รถคันแรกทะลัก1.25ล้านคัน
ปิดฉากรถยนต์คันแรกแห่ใช้สิทธิทะลัก 1.25 ล้านคัน ดันยอดคืนภาษี
นโยบายรถคันแรกของรัฐบาลที่เริ่มตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน 2554 และสิ้นสุดในวันที่ 31 ธันวาคม 2555 นั้น ส่งผลให้ประชาชนยังคงยื่นขอใช้สิทธิ์ในโครงการดังกล่าวกันอย่างคึกคัก โดยนายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า การยื่นขอใช้สิทธิคืนภาษีรถยนต์คันแรกในวันนี้(31 ธ.ค.) ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของโครงการ มีผู้ยื่นขอคืนภาษีสรรพสามิตรถยนต์คันแรกตลอดทั้งวันทั่วประเทศรวมทั้งสิ้น 2,000 คัน เทียบกับเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม มีการยื่นขอคืนภาษีรถยนต์คันแรกสูงถึง 5,000 คัน ส่งผลให้ตั้งแต่เริ่มดำเนินโครงการจนถึงวันสุดท้ายที่รับยื่นขอคืนภาษีมียอดรวมทั้งสิ้น 1.255 ล้านคัน คิดเป็นเงินที่ต้องคืนภาษีรวม 9.1 หมื่นล้านบาท สูงกว่าที่ตั้งเป้าไว้ในช่วงแรก 3 หมื่นล้านบาทถึง 3 เท่าตัว
สำหรับการยื่นใช้สิทธิขอคืนภาษีรถคันแรกทั่วประเทศจำนวน 1.255 ล้านคันนั้น แบ่งเป็นรถยนต์นั่ง 7.40 แสนคัน รถกระบะ 2.58 แสนคัน รถยนต์นั่งที่มีกระบะ หรือดับเบิลแค็บ 2.57 แสนคัน ส่วนผู้ที่ได้รับสิทธิและได้รับเงินคืนไปแล้วมีทั้งสิ้น 47,018 ราย คิดเป็นเงิน 3,481 ล้านบาท และคาดว่าปีงบประมาณ 2556 จะต้องคืนภาษีรถยนต์คันแรกรวม 2 หมื่นล้านบาท จากเดิมตั้งไว้ครั้งแรก 7,000 ล้านบาท และเพิ่มเป็น 18,000 ล้านบาทแต่ก็ยังไม่เพียงพอจึงอาจต้องขอใช้งบกลางเพิ่มเติม ส่วนปีงบ 2557 คาดว่าจะใช้เงินคืนภาษีรถยนต์คันแรกประมาณ 3-3.5 หมื่นล้านบาท และใช้งบอีกบางส่วนในปี 2558 โดยผู้ที่ได้รับคืนเงินทางบัญชีเงินฝากนั้นจะต้องครอบครองรถยนต์ครบ 1 ปี
อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวอีกว่า การให้บริการยื่นเอกสารขอคืนภาษีกรมสรรพสามิตวันสุดท้ายที่ผ่านมา กรมสรรพสามิตและพื้นที่ต่างๆ เปิดรับยื่นเอกสารจนถึงเวลา 16.30 น. เฉพาะที่กรมสรรพสามิต ราชวัตร มีผู้มายื่นใช้สิทธิประมาณ 300 รายเท่านั้น ขณะที่กรมได้จัดเตรียมเจ้าหน้าที่ไว้รองรับอย่างเต็มที่ และส่วนใหญ่ที่มาก็ไม่ได้มีปัญหาเรื่องเอกสารแต่อย่างใดจึงไม่น่าจะมีปัญหาในการขอคืนภาษี นอกจากจะมีการตรวจสอบกับกรมการขนส่งทางบกอีกครั้งและพบว่าไม่เข้าเงื่อนไขการเป็นเจ้าของรถคันแรกจริง
"วันสุดท้ายมีผู้มายื่นใช้สิทธิน้อยกว่าที่คาดไว้ จึงน่าจะเป็นการเก็บตกผู้ใช้สิทธิ เท่าที่สอบถามผู้มายื่น 2-3 ราย ส่วนใหญ่ระบุว่าเพิ่งได้รับการอนุมัติจากทางบ้านให้ซื้อรถยนต์จึงรีบนำใบจองซื้อรถยนต์มาใช้สิทธิให้ทันในวันสุดท้าย โดยมองว่าไม่น่าจะมีผู้ตกหล่นหรือใช้สิทธิไม่ทัน เพราะก่อนหน้านี้กรมสรรพสามิตได้ประชาสัมพันธ์ให้ข้อมูลอย่างต่อเนื่องแล้ว" นายสมชายระบุ
กระนั้นก็ดี นายสมชาย กล่าวด้วยว่า แม้เจ้าหน้าที่จะปิดรับเรื่องแล้วแต่ยังสามารถยื่นผ่านอินเทอร์เน็ตทางเว็บไซต์
https://firstcar.excise.go.th/ ได้จนถึงเวลา 24.00 น. วันที่ 31 ธันวาคม 2555 และเอกสารต้องพร้อมภายใน 15 วันนับจากวันที่ยื่นขอใช้สิทธิ แต่ส่วนนี้ก็ไม่น่าจะมีเพิ่มขึ้นมากนัก ไม่เกินร้อยราย ปิดยอดจริงๆ ก็น่าจะประมาณ 1.256 ล้านคัน อย่างไรก็ตามกรมสรรพสามิตไม่ได้มีการแยกว่าเป็นการยื่นขอใช้สิทธิคืนภาษีรถยนต์ยี่ห้อใดมากที่สุดเอาไว้ด้วย
สำหรับกรณีของรถโตโยต้า วีออสรุ่นใหม่ที่มีกรณีเรียกร้องให้ทบทวนการได้สิทธิเข้าโครงการรถยนต์คันแรก ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้นำออกมาจำหน่ายในตลาดแต่มีการเปิดรับจองแล้วนั้น ทางกรมสรรพสามิตได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบที่โรงงานแล้วเห็นว่าทางบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ได้ขึ้นไลน์การผลิตแล้วจริง มีการผลิตรถยนต์และเสียภาษีสรรพสามิตไว้แล้วบางส่วน จึงถือว่าเข้าข่ายได้รับสิทธิโครงการรถยนต์คันแรก ผู้ที่จองซื้อรถยนต์รุ่นดังกล่าวจึงมีสิทธิได้รับเงินคืนเช่นเดียวกัน แต่คาดว่าจะมีไม่มากนักเพราะเพิ่งเปิดจองช่วง 2 สัปดาห์สุดท้ายของเดือนธันวาคม 2555 เท่านั้น
ทั้งนี้ โครงการรถยนต์คันแรกของรัฐบาลเดิมตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะมีผู้มาใช้สิทธิเข้าโครงการประมาณ 5 แสนคัน คิดเป็นเม็ดเงินต้องคืนราว 3.2 หมื่นล้านบาทเท่านั้น แต่จากการผ่อนปรนเงื่อนไขให้จองได้ถึงเดือนธันวาคมจากเดิมเดือนกันยายน และให้ใช้เพียงใบจองซื้อรถยนต์มายื่นเข้าโครงการโดยเปิดกว้างให้ส่งมอบรถเมื่อไหร่ก็ได้ ยิ่งเป็นการกระตุ้นให้มีผู้สนใจใช้สิทธิมากกว่าเดิมถึงเท่าตัว
เครดิต : ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!