นายกฯ แจงสื่อ
สมคิดลาออกไม่กระทบภาพพจน์ของรัฐบาล ยอมรับรู้ล่วงหน้าเข้ามาเป็นนายกฯ ต้องเจอปัญหาหลายอย่าง แต่ไม่คิดถอดใจลาออก
สมคิดลาออกไม่กระทบภาพพจน์ของรัฐบาล ยอมรับรู้ล่วงหน้าเข้ามาเป็นนายกฯ ต้องเจอปัญหาหลายอย่าง แต่ไม่คิดถอดใจลาออก
ตอบคำถามสื่อมวลชนรายการนายกฯ พบสื่อมวลชนทำเนียบรัฐบาล ครั้งที่ 4 ซึ่งครั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ไม่ได้เข้าร่วม เหมือนเช่นทุกครั้ง
โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง
การยุบคณะกรรมการประสานงานและกระชับความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ซึ่งหลายฝ่ายวิจารณ์ว่าเป็นการให้ความสำคัญตัวบุคคลมากกว่าหลักการ ว่า ถ้าเราดูองค์ประกอบของคณะกรรมการฯ จะเห็นชัดเจนว่ามีบุคคลที่จะเข้าไปช่วยสนับสนุนการทำงานของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ แต่เมื่อนายสมคิดได้ลาออก ส่วนนี้จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้ชุดสนับสนุนให้ทำงานต่อไป
พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า กรรมการชุดดังกล่าวก็ทำหน้าที่เหมือนกับผู้แทนทางการค้า ซึ่งรัฐบาลชุดที่แล้วก็มีการแต่งตั้ง ซึ่งเป็นอำนาจของนายกฯ ที่จะแต่งตั้งได้ เพราะไม่มีอำนาจไปสร้างความผูกพันใด ๆ
แต่ผู้ที่มีอำนาจโดยตรงในการเจรจาต่อรอง หรือตัดสินใจก็มีอยู่แล้วทั้งรองนายกรัฐมนตรีที่ดูแลงานด้านเศรษฐกิจและกระทรวงการต่างประเทศ แต่ที่ต้องตั้งคณะทำงานชุดดังกล่าวขึ้นมาก็เพื่อที่จะใช้เครือข่ายที่นายสมคิดมีอยู่ให้เป็นประโยชน์ เพราะนายสมคิดรู้จักตัวบุคคลที่น่าจะเป็นประโยชน์ต่อการทำความเข้าใจในระยะการไปสร้างความเข้าใจเท่านั้น
แต่ผู้ที่มีอำนาจโดยตรงในการเจรจาต่อรอง
หรือตัดสินใจก็มีอยู่แล้วทั้งรองนายกรัฐมนตรีที่ดูแลงานด้านเศรษฐกิจและกระทรวงการต่างประเทศ แต่ที่ต้องตั้งคณะทำงานชุดดังกล่าวขึ้นมาก็เพื่อที่จะใช้เครือข่ายที่นายสมคิดมีอยู่ให้เป็นประโยชน์ เพราะนายสมคิดรู้จักตัวบุคคลที่น่าจะเป็นประโยชน์ต่อการทำความเข้าใจในระยะ
พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ตนบอกแล้วว่าตนรับฟังความคิดเห็นของทุกฝ่าย อะไรที่เป็นประโยชน์ก็จะนำมาปฏิบัติ ส่วนอะไรที่เห็นว่าไม่สอดคล้องกับแนวทางที่ตนจะดำเนินการก็คงรับฟังและเคารพในความเห็นส่วนนั้น ดังนั้น
ขึ้นอยู่กับเหตุผลของการให้ข้อคิดเห็นต่างๆ ผู้สื่อข่าวถามว่าที่ผ่านมานายกฯ มีแนวคิดเพื่อสร้างความสมานฉันท์ แต่คนที่มีแนวคิดดีๆที่อยากเข้มาช่วยรัฐบาลทำงานกลับทำไม่ได้ ทำไมจะต้องกวาดให้ตกเวทีทั้งหมดเลยหรือถึงจะพอใจ พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องเหล่านี้วิพากวิจารณ์ได้ ตนยืนยันแล้ว ว่าพร้อมที่จะรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่าง
มีการวิจารณ์ว่าการแต่งตั้งนายสมคิดมีนัยทางการเมืองแฝงเพื่อให้เข้ามาเช็คเรตติ้งทางการเมืองเพื่อรอกลับเข้ามาสู่การเมืองในอนาคตและเป ็นการทำลายเครดิตของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ
พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ตนกับนายสมคิดไม่ได้พูดกันเรื่องการเมืองเลย และตนเองก็ไม่ได้มีความคิดที่จะไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องการเมืองใด ๆ ทั้งสิ้น หรือไม่ได้มีความมุ่งหวังเรื่องการเมืองอื่นใดแอบแฝงอยู่ แม้นายสมคิด จะเป็น คนของรัฐบาลชุดที่แล้ว แต่เมื่อสมัครใจเข้ามาช่วยงานและตรงกับแนวทางของรัฐบาลที่ต้องการใช้คนที่มีความสามารถ มีเครือข่ายเพื่อสร้างความเข้าใจได้ก็น่าจะเป็นประโยชน์
ทั้งที่เห็นว่าเป็นประโยชน์นั้นก็เพราะตนเคารพในความคิด ของนายสมคิด และการที่นายสมคิดระบุว่าจะใช้สถานการณภาพส่วนตัวชี้แจงนโยบายเศรษฐกิจพอเพียงต่อไปนั้นก็ถือเป็นเรื่องของนายสมคิดเอง เพราะใครที่ทำงานเพื่อชาติบ้านเมืองได้ก็เป็นประโยชน์ทั้งนั้น
เพราะหลายความพยายามสร้างบรรยากาศในการสร้างความสมานฉันท์ แต่บางฝ่ายไม่เข้าใจเจตนาดีของนายกฯ และออกมาสร้างเงื่อนไขต่างๆ พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า สำหรับผมมีความตั้งใจที่จะทำงานเพื่อชาติบ้านเมือง ผมรู้ตั้งแต่ต้นว่าปัญหาจะเป็นอย่างไร ความลำบากจะมีมากแค่ไหน พระเจ้าอยู่หัวฯ ก็ทรงมีพระราชกระแสรับสั่งว่าเป็นเหตุการณ์ที่วิกฤติร้ายแรงของบ้านเมืองเรา ก็เป็นเรื่องที่ผมคาดการมาตั้งแต่ต้น แต่ที่ได้ตอบรับเข้ามาทำงานก็ เพราะเห็นว่าพล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ.เองก็ไม่มีใครที่จะมาทำงานตรงนี้ในลักษณะ ที่ไว้ใจได้ ผมจึงตัดสินใจรับหน้าที่นี้ ทั้งที่รู้มาตั้งแต่ต้น
เป็นสิ่งที่ผมได้ตั้งใจแล้วว่าผมเสียสละเพื่อชาติ บ้านเมือง ในช่วงเวลาที่เป็น วิกฤติ ผมไม่ได้เอาตัวเข้ามาเพื่อผลประโยชน์แอบแฝง ไม่มีอะไรอยู่เบื้องหลังเลย ถ้าอยู่ใน ตำแหน่งองคมนตรีก็คงไม่ต้องรับผิดชอบอะไรมากนัก เว้นแต่ถวายคำปรึกษา แต่เมื่อเข้ามา ทำงานตรงนี้แล้วก็ต้องพยายาม
จะฟันฝ่าและเดินไปสู่จุดหมายปลายทาง คือ
การมีรัฐ ธรรมนูญที่เชื่อถือและไว้วางใจได้ และมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ที่ค่อนข้างบริสุทธิ์และยุติธรรม ผมไม่ได้ท้อถอย ทราบดีว่าปัญหาต่างๆเป็นอย่างไร เพราะได้ทำใจไว้แล้ว จึงอยากให้ทุกฝ่ายร่วมมือกันหาทางที่จะทำให้เกิดความปรองดอง สมานฉันท์ รู้ว่าสิ่งใดควรจะพอ ควรจะหยุดบ้าง
นายก รัฐมนตรี กล่าวว่า อยู่ที่ความร่วมมือของประชาชน ถ้าตราบใดที่ประชาชนยังไม่ร่วมมือกันโอกาสที่จะเกิดในสิ่งที่มุ่งหวังไว้ก็น้อย
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ปัจจุบันต่างประเทศไม่ได้เข้าใจผิด เพียงแต่อาจเข้าใจคลาดเคลื่อนไปบ้างในนโยบายเศรษฐกิจพอเพียง เป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องทำความเข้าใจว่าเราไม่มีนโยบายปิดประเทศ โดยเฉพาะกับส่อต่างประเทศ ซึ่งบางครั้งก็จำเป็นต้องมี
บริษัทล็อบบี้เข้ามาช่วย แต่อย่างไรก็ตามรัฐบาลไทยคงไม่ไปจ้างบริษัทล็อบบี้ยิสต์ไปทำตรงนี้ เพราะเราไม่มีเงิน
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
© 2567 บริษัท ที่นี่มีเดีย จำกัด เข้าหน้าแรก Teenee.com
Youtube : teeneedotcom Line id : teeneedotcom Facebook id : teeneedotcom instagram : @teeneedotcom Twitter : teeneecom ติดต่อเรา