มหาดไทย จับตาความเคลื่อนไหว

นายอารีย์ วงศ์อารยะ รมว.มหาดไทย กล่าวในการประชุมกระทรวงมหาดไทยว่า ขอให้ ผวจ. และฝ่ายปกครองดูแลเรื่องการข่าวให้มากขึ้น ให้มีหูตาเหมือนสับปะรด วางสายข่าวไว้ทุกที่ เพื่อติดตามความเคลื่อนไหว กลุ่มการเมือง พร้อมให้รายงานว่ามีความเคลื่อนไหวใดๆ เกิดขึ้น หากเกิดเรื่องในพื้นที่ใด จะมาอ้างว่าไม่รู้ไม่ได้ เพราะหากมีการเดินขบวนเข้ามาใน กทม. ก็จะเกิดความรู้สึกไม่ดีได้

ภายหลังการประชุม นายอารีย์กล่าวถึงความเคลื่อนไหวของพรรคไทยรักไทยในภาคอีสานว่า เป็นหน้าที่ของ ผวจ.ที่จะต้องตรวจสอบ โดยต้องลงลึกถึงระดับหมู่บ้าน อย่างไรก็ตาม เป็นสิทธิอันชอบธรรมของพรรคไทยรักไทย ที่จะเดินทางไปเยี่ยมประชาชนได้ เพราะเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานในระบอบประชาธิปไตย แต่ต้องไม่ ก่อความวุ่นวายหรือปลุกปั่น ถ้าเข้าข่ายยุยงปลุกปั่นประชาชน ผวจ.ต้องดำเนินการ และต้องดู คมช.ด้วยว่า จะทำอย่างไร

ส่วนกรณีที่ พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ผู้ช่วย ผบ.ทบ. จะประสานรัฐมนตรีทุกกระทรวงให้โยกย้ายข้าราชการเกียร์ว่าง ในฤดูกาลโยกย้ายเดือน เม.ย.นั้น ในส่วนของกระทรวงมหาดไทย ผวจ.ได้รายงานการทำงานในแต่ละจังหวัดให้ทราบอยู่แล้ว และมีผู้ตรวจราชการกระทรวงออกพื้นที่ตรวจอยู่

ดังนั้น หากทราบว่าใครทำงานด้อยประสิทธิภาพ จะต้องว่ากล่าวตักเตือน และหากไม่มีการพัฒนาปรับปรุง จะต้องถูกโยกย้ายในที่สุด

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายจาตุรนต์ ฉายแสง รักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย เดินสายพบปะกับประชาชนที่พื้นที่ภาคอีสานว่า เรื่องนี้รัฐบาลหรือ คมช.ควรหลีกเลี่ยงสร้างเงื่อนไข เช่น ไปพูดถึงเรื่องการจับกุมหรือปรับ ที่ผ่านมา ได้เสนอมาตลอดว่า

ขณะนี้คำสั่งของ คปค. ฉบับที่ 15 และ 27 ที่ห้ามพรรคการเมืองดำเนินกิจกรรมทางการเมือง ถือเป็นคำสั่งที่ปฏิบัติยาก ดังนั้น ขอเสนอทบทวนผ่อนคลายประกาศ คปค. และกลับมาใช้กฎหมายที่ดูแลด้านความมั่นคงตามปกติมากกว่า

หากนายจาตุรนต์ไปทำอะไรที่ขัดต่อความมั่นคง ถึงไม่มีคำสั่ง คปค.ก็มีความผิดอยู่แล้ว แต่พออ้างคำสั่ง คปค. จะตกเป็นเหยื่อของขบวนการที่จะทำให้เกิดการยั่วยุนำไปสู่ความขัดแย้ง ทำให้มีการต่อต้าน คมช.มากขึ้น

ส่วนกรณีมีแกนนำและสมาชิกพรรคไทยรักไทยหลายคน เตรียมเปิดสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมพีทีวีนั้น เรื่องนี้ต้องยึดหลักกฎหมายและประชาธิปไตย หากสมมติว่าพีทีวีเป็นเงื่อนไขเดียวกับเอเอสทีวี จะต้องปฏิบัติเช่นเดียวกัน

นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รองหัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวถึงกรณีที่พรรคการเมืองเรียกร้องให้ คมช.ยกเลิกประกาศ คปค.ฉบับที่ 15 และ 27 ว่า ขณะนี้ มีบางพรรคการเมืองออกเดินสายต่างจังหวัด เพื่อทำความเข้าใจกับประชาชนถึงสถานการณ์บ้านเมือง

จึงเกิดคำถามว่า ประกาศ คปค.ดังกล่าวมีความหมายหรือไม่ และจะมีการเอาผิดหรือลงโทษพรรคการเมืองนั้นหรือไม่ พรรคชาติไทยเห็นใจทั้ง คมช.และพรรคการเมือง แต่ช่วงนี้อยู่ระหว่างการร่างรัฐธรรมนูญ สังคมต้องการระดมความคิดเห็นของประชาชนเพื่อเสนอแนะ เพื่อนำไปสู่การแก้ปัญหาวิกฤติได้ดีกว่า

ถ้ายังมีประกาศ คปค.ฉบับที่ 15 และ 27 คิดว่าจะเป็นอุปสรรคที่สำคัญ เพราะประกาศดังกล่าวห้ามพรรคการเมือง แต่ไม่ได้ห้ามกลุ่มการเมือง 2-3 กลุ่มที่ออกมาทำกิจกรรมในขณะนี้ ทำให้เกิดความลักลั่นกัน จึงให้ คมช.พิจารณาว่า ทำอย่างไรจึงจะผ่อนปรนหรือยกเลิกประกาศ คปค.ฉบับที่ 15 และ 27 ให้เกิดความยืดหยุ่นคล่องตัวในการระดมความเห็นประชาชนได้

เราอยากเห็นความกล้าหาญของ คมช. เพราะสิ่งที่น่าเป็นห่วง คือผลสำรวจความเห็น พบว่าประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่ เข้าใจเรื่องรัฐธรรมนูญ ทั้งที่รัฐธรรมนูญอยู่กับสังคมไทยมานานกว่า 70 ปี และการทำประชามติเป็นของแปลกใหม่ ดังนั้น การทำความเข้าใจให้ความรู้แก่ประชาชนคงหนีไม่พ้นหน้าที่พรรคการเมือง

จาก หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ