ชี้เป็นการติชมด้วยความสุจริต เป็นธรรม "ชูวิทย์"โว เป็นอุทาหรณ์ให้นักการเมืองพึงสังวร ลั่นจับปลาไหลสุพรรรณได้ ต่อไปจับคนที่บางบอน
ที่ห้องพิจารณา 713 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 12 ธ.ค. ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ คดีดำ อ.304/51 คดีแดง อ.2716 /52 ที่ นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทย มอบอำนาจให้นายนิกร จำนง เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย และอดีตรองหัวหน้าพรรคชาติไทย เป็นจำเลย ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา ฟ้องโจทก์เมื่อวันที่ 29 ม.ค.51 ระบุความผิดจำเลยสรุปว่า ระหว่างวันที่ 18 - 21 ม.ค.51 ต่อเนื่องกัน นายชูวิทย์ จำเลยได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวพาดพิงโจทก์ถึงฉายาหลงจู๊ และวิจารณ์การร่วมรัฐบาลของพรรคชาติไทย กับพรรคพลังประชาชน ทำนองว่าโจทก์ ไร้สัจจะ ไม่มีจุดยืน สังคมผิดหวังโกหกประชาชน หลอกลวงชาวบ้าน หลังจากที่นายบรรหาร โจทก์เคยให้สัมภาษณ์ว่า จะไม่ร่วมรัฐบาลพรรคพลังประชาชน และข้อความอื่นๆ
ซึ่งล้วนเป็นเท็จ ทำให้โจทก์ ได้รับความเสียหาย ต้องเสื่อมเสียชื่อเสียง ขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยตามความผิดด้วย เหตุเกิดหน้าที่ทำการพรรคชาติไทย แขวง–เขตดุสิต แขวงอนุสาวรีย์ เขตพญาไท และที่อื่นเกี่ยวพันกัน คดีนี้หลังจากศาลไต่สวนมูลฟ้องโจทก์แล้วเห็นว่า คดีมีมูล ให้ประทับรับฟ้องไว้พิจารณา จำเลยให้การปฏิเสธ
ต่อมาวันที่ 24 ส.ค. 52 ศาลชั้นต้นพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานที่ทั้งสองฝ่ายนำสืบหักล้างกันแล้วเห็นว่า การกระทำของจำเลย ที่วิจารณ์การกระทำโจทก์ในฐานะเป็นหัวหน้าพรรคชาติไทย และเคยเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งถือเป็นบุคคลสาธารณะ อยู่ในวิสัยที่จำเลย ซึ่งเป็นนักการเมือง และประชาชนสามารถวิพากษ์วิจารณ์การทำงาน รวมทั้งการเข้าร่วมรัฐบาล โดยรัฐธรรมนูญ ปี 2550 มาตรา 45 ให้การรับรองคุ้มครองสิทธิการแสดงความคิดเห็น การกระทำของจำเลยจึงยังไม่เข้าข่ายความผิด พิพากษายกฟ้อง
โจทก์ยื่นอุทธรณ์ ขอให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยตามความผิดด้วย
ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันแล้วเห็นว่า นายชูวิทย์ จำเลยแถลงข่าวถึงโจทก์ ในฐานะที่เป็นนักการเมือง เป็นบุคคลสาธารณะ ย่อมถูกวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการทำงาน และความประพฤติ และตามความเข้าใจของจำเลย ซึ่งเป็นการติชมด้วยความสุจริต ยุติธรรม อันเป็นลักษณะทั่วไปของวิญญูชน โดยมิได้หาประโยชน์ส่วนตน อีกทั้งโจทก์เองก็ยอมรับว่า ไม่ได้รักษาคำพูดที่ภายหลังยอมเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชาชน การกระทำของจำเลยจึงไม่ผิดกฎหมาย ที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องมานั้น ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์โจทก์ฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน
ภายหลังนายชูวิทย์ ให้สัมภาษณ์ ว่า คำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีนี้ย่อมเป็นอุทาหรณ์ และเป็นบรรทัดฐานให้กับนักการเมืองที่ไม่ยอมรักษาคำพูด ไร้สัจจะ ก่อนเลือกตั้งพูดอย่าง หลังเลือกตั้งพูดอีกอย่าง เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง ตนยืนยันเลยว่าจับปลาไหลที่จ.สุพรรณบุรีได้ ต่อไปจะจับคนย่านบางบอน ตนจับใครแล้วไม่พลาด ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 ของรัฐบาล เชื่อแน่ว่า จะเกิดปัญหาตามมาอย่างแน่นอน ขณะนี้ในสภาทางซ้ายก็ควาย ทางขวาก็ควาย พรรคตนมีเสียงน้อยอยู่ฝ่ายค้านก็ต้องปฏิบัติงานในฐานะฝ่ายค้านต่อไป