ต้องอ่าน! ถ้า สมคิด จะช่วยนายกฯสุรยุทธ์จริง...

ขณะที่เขียนอยู่นี้ (ก่อนเที่ยงวันอังคาร ที่ 20 กุมภาพันธ์) คุณสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ยังไม่ได้ออกมาชี้แจงบทบาทใหม่ภายใต้รัฐบาลใหม่หลังการโค่นรัฐบาลเก่าอย่างที่นายกฯสุรยุทธ์ จุลานนท์

กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : บอกว่า อดีตรองนายกฯ คนนี้จะทำเพื่อสร้างความกระจ่างกับประชาชนคนไทย

และขณะที่เขียนอยู่นี้ ผมก็ยังไม่ทราบว่ามติของที่ประชุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยว่าด้วยตำแหน่งใหม่ของสมคิด ในรัฐบาลชุดนี้คืออะไร

แต่ผมรู้ว่า สมคิด จะต้องทำอะไรให้นายกฯ สุรยุทธ์ ถ้าหากจะ "ช่วยกันจริงๆ"

จากนั้นก็ขอประกาศไม่รับตำแหน่ง "ประธานคณะกรรมการประสานงานเศรษฐกิจต่างประเทศ" หรืออะไรคล้ายๆ อย่างนั้น

เสร็จแล้วก็บอกว่าพร้อมที่จะช่วยเหลือนายกฯ สุรยุทธ์ ในการ "เดินสาย" อธิบายถึงความล้มเหลวของ "ระบอบทักษิณ" หรือ Thaksinomics ในต่างประเทศ และชี้แจงสร้างความกระจ่างว่าแนวคิด "เศรษฐกิจพอเพียง" หรือ Sufficiency Economy นั้นคืออะไร และมีความแตกต่างกับระบอบทักษิณ อย่างไร

บทบาทของสมคิด ในความเข้าใจของนายกฯสุรยุทธ์ นั้น เริ่มจะเปลี่ยนไป...จากวันแรกที่บอกว่าสมคิด อาสามาชี้แจงเรื่อง "เศรษฐกิจพอเพียง" กับต่างประเทศ แต่เมื่อวันจันทร์ นายกฯ อธิบายกับนักข่าวว่า สมคิด อาสาใช้ "ความสนิทสนมส่วนตัว" กับธุรกิจในเมืองจีนและญี่ปุ่นบางคน เพื่อจะให้เกิดความเข้าใจต่อรัฐบาลนี้ให้ดีขึ้น

ผมจึงเริ่มไม่แน่ใจว่า "ภารกิจเพื่อชาติ" ของสมคิด นั้น จริงๆ คืออะไรกันแน่...

เพราะถ้าหากจะพูดถึง "ความใกล้ชิดส่วนตัว" ของสมคิด กับนักธุรกิจญี่ปุ่นกับจีน เขาย่อมจะอยากฟังจากรองนายกฯ หรือรัฐมนตรีที่มีความรับผิดชอบต่อนโยบายเศรษฐกิจ และการลงทุนมากกว่า

เพราะถ้าสนิทกันจริงก็ต้องเคยได้ยินสมคิดพูดถึง Thaksinomics อย่างเลื่อมใสศรัทธามาก่อน และถ้าหากวันนี้ สมคิด เกิดไปกระซิบที่ข้างหูของคนเหล่านี้ที่สองประเทศนี้ว่า "เศรษฐกิจพอเพียง" ดีกว่า "ระบอบทักษิณ" ก็คงจะต้องเกิดคำถามที่ชวนถกแถลงกันยาวนานหลายชั่วโมง

แทนที่จะไปชี้แจง สมคิด อาจจะต้องเสียเวลา "เคลียร์" กับเพื่อนที่ญี่ปุ่น และเมืองจีนอยู่ไม่น้อย

อีกทั้ง ถ้าหากเพื่อนซี้ที่สองประเทศนี้ถามสมคิดอย่างเป็นกันเองว่า

"สมคิด คุณเปลี่ยนแปลงจุดยืนอย่างนี้ คนไทยเขาไม่รู้สึกอะไรหรือ?"

ก็คงจะต้องเสียเวลาแลกเปลี่ยนความเห็นกันอยู่นานพอสมควรอีกเช่นกัน

ถ้าเป็นธรรมเนียมของสังคมซามูไรแห่งญี่ปุ่น หรือนักรบผู้หาญกล้าแห่งเกาหลี ผู้หลงผิดเช่นนี้อาจจะไม่ถึงขั้นทำ "ฮาราคีรี" แต่ก็จำเป็นจะต้องออกมา "สารภาพบาป" เพื่อขอขมาประชาชนที่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องที่ทำให้บ้านเมืองเสียหาย

เคยเห็นผู้บริหารตำแหน่งสูงๆ ในญี่ปุ่นกับเกาหลีออกมาทำพิธีโค้งคำนับอย่างเป็นทางการในที่สาธารณะเพื่อขอโทษประชาชนที่ได้กระทำการผิดจริยธรรมไหมครับ? นั่นแหละ เขาไม่ต้องรอให้ประชาชนลงโทษ เมื่อเขารู้ตัวว่าได้ทำอะไรที่สร้างความเสื่อมเสียต่อสังคม เขาก็จะแสดงความรับผิดชอบด้วยความสมัครใจ

ครับ คำว่า "แสดงความรับผิดชอบ" หรือ accountability หดหายความสำคัญไปมากในระบอบทักษิณ เพราะปัญหาการทับซ้อนของผลประโยชน์ในหมู่ผู้นำประเทศกลบเกลื่อนความสำนึกแห่งความถูกต้องชอบธรรม


คนเก่งในบ้านเรานั้นมีมาก แต่คนเก่งที่มีความกล้าหาญทางศีลธรรมนั้นยังมีไม่พอ...

หากสมคิด จะเพิ่มจำนวนคนเก่งที่เชิดชูความกล้าหาญทางด้านความสำนึกความชั่วดีก็จะเป็นคุณูปการต่อสังคมไทยยิ่งนัก

ขอขอบคุณ: กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

ข่าวสารคุณภาพ สร้างวิสัยทัศน์ เพื่อสังคมอุดมปัญญา