ปชป.ท้าสู้คดี ทรท.มั่นใจหลักฐานมัดแน่นดิ้นไม่หลุด

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 22 มีนาคม 2549 14:32 น.

ปชป.มั่นใจในหลักฐานท้าสู้คดีกับ ทรท. เชื่อฟ้องแก้เกี้ยวมากกว่า ขณะดียวกันหวั่นพยานไม่ปลอดภัยเหมือนคดีชิปปิ้งหมู จวก ระบอบทักษิณ ชั่วร้าย ยันเดินหน้าปราศรัยที่สนามหลวง แม้พันธมิตรจะปิดบัญชี แม้วแล้ว

วันนี้ (22 มี.ค.) นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่พรรคไทยรักไทยจะฟ้องร้องนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรค และตนในคดีหมิ่นประมาท เนื่องจากออกมาเปิดโปงถึงความไม่ชอบมาพากลในการเลือกตั้งครั้งนี้ว่า ยืนยันว่าพรรคไม่หวั่นไหวต่อการถูกฟ้องร้องดังกล่าว และพร้อมที่จะเผชิญความเป็นจริง

โดยจะสู้ไปตามพยานหลักฐานที่มี เพราะเชื่อมั่นว่าพิทักษ์ระบอบประชาธิปไตยให้บริสุทธิ์เที่ยงธรรม ไม่ใช่จอมปลอมเพื่อใครคนใดคนหนึ่ง ดังนั้น การเปิดโปงการเลือกตั้งครั้งนี้ และมองว่าเป็นการฟ้องแก้เกี้ยวมากกว่าที่จะเป็นการปกป้องสิทธิของตนเอง ซึ่งจะเห็นได้ว่าสมควรที่จะฟ้องร้องหรือไม่

นายองอาจ กล่าวว่า จากที่ผ่านมาในอดีตจะเห็นว่าคนใกล้ชิดนายกรัฐมนตรี และบริษัทในเครือที่เมื่อมีการฟ้องร้องต่างๆ ไม่เคยมุ่งหวังผลจริงจัง ซึ่งทุกคนก็่รู้และจากกรณีของบริษัท ชินแซท ที่ฟ้องร้องนายศิริโชค โสภา สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์มานานถึง 3 ปี แต่ไปศาลเพียงครั้งเดียวเพราะว่าเลื่อนการไปศาลตลอด เราจึงเชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ที่ดำเนินการโดยไม่ได้โกรธแค้นส่วนตัว

ส่วนกรณีที่พรรคไทยรักไทยระบุว่า เป็นการวางแผนตลบหลังของพรรคประชาธิปัตย์นั้น นายองอาจ กล่าวว่า คงไม่มีความสามารถสูงพอที่จะตลบหลังระบอบทักษิณที่มีอานุภาพและเครือข่ายได้ การที่จะไปสร้างเรื่องให้คนเชื่อเรื่องราวต่างๆ เหล่านี้ได้ คนที่ทำได้คงจะมีความสามารถสูงกว่าคนที่สร้างละครให้เราดู แต่เรื่องนี้สามารถตรวจสอบได้ การนำมาเปิดเผยได้ก็เพราะมีการดำเนินการของผู้ที่เข้าไปเกี่ยวข้องและวิตกกังวลถึงชีวิตของเขา และเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันในอนาคต

ซึ่งหลายคนเกรงว่าการเข้าไปมีส่วนร่วมโดยไม่เจตนาจะนำมาซึ่งการผิดกฎหมายและอื่นๆ ตามมาอีก จึงจำเป็นต้องปกป้องชีวิตของตัวเอง และความไม่ถูกต้อง จึงนำมาเปิดเผยให้สังคมได้รับทราบ ยืนยันว่าไม่ใช่สิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์วางแผนตลบหลังไว้ก่อนล่วงหน้าแต่อย่างใด

โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า หลังจากที่นายสุเทพได้นำพยานออกมาเปิดเผยต่อสาธารณะ สิ่งที่วิตกกังวลในขณะนี้คือความปลอดภัยในชีวิตของพยาน เพราะในอดีตเคยมีพยานของพรรคประชาธิปัตย์ที่ออกมาเปิดเผยถึงความไม่ถูกต้อง เช่น กรณีคดีชิปปิ้งหมูมาแล้ว และในวันนี้พยานของเราได้ออกมาแสดงความกล้าหาญ แม้ว่าจะหลบซ่อนอย่างไร แต่ภายใต้อำนาจรัฐที่อยู่ภายใต้การบงการของระบอบทักษิณจึงทำให้เราไม่สามารถมั่นใจเพียงพอได้ และขอเรียกร้องไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) หาวิธีการให้ความปลอดภัยและคุ้มครองพยานที่กล้าออกมาเปิดโปงเรื่องดังกล่าว ไม่เช่นนั้นในอนาคตคงไม่มีใครที่จะกล้ามาเป็นพยานให้กับความรุนแรงในระบอบประชาธิปไตย อย่างไรก็ตาม พรรคได้พยายามดูแลให้พยานมีความปลอดภัยแต่ในระบอบนี้ก็อาจทำให้ไม่ปลอดภัยได้ตลอดเวลา

นายองอาจ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หัวหน้าพรรคไทยรักไทยไปปราศรัยที่ จ.เชียงราย ว่าพรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคการเมืองอายุเก่าแก่ 60 ปี แต่ได้ละอ่อนทางการเมืองมาเป็นหัวหน้าพรรคจึงไม่กล้าลงเลือกตั้งนั้น ถือเป็นการใส่ร้ายป้ายสีนายอภิสิทธิ์

ขอยืนยันว่า นายอภิสิทธิ์ไม่ใช่ละอ่อนทางการเมือง และมีความละเอียดรอบคอบที่มองเห็นความชั่วร้ายของระบอบทักษิณ และยังนำพาพรรคและสังคมให้เห็นความชั่วร้ายของระบอบทักษิณตามไปด้วย ถ้าไม่เช่นนั้นนายอภิสิทธิ์ลงเลือกตั้งก็น่าจะได้ที่นั่ง ส.ส.มากกว่าครั้งที่ผ่านมา และก็จะทำให้ถือเป็นผลงานได้ แต่ก็ยังไม่ลงเลือกตั้ง หากเราไม่ละเอียดก็คงจะปล่อยให้นายกฯ ปู้ยี่ปู้ยำประเทศ เพราะความละโมบในอำนาจและผลประโยชน์อย่างต่อเนื่องมาโดยตลอดจนถึงปัจจุบัน เหมือนกับที่ครั้งนี้ พ.ต.ท.ทักษิณที่จะนำการได้รับคะแนนเสียงของประชาชนมาเป็นใบอนุญาตของตนเอง

สำหรับการปราศรัยที่สนามหลวงของพรรคประชาธิปัตย์ ในวันที่ 24 มี.ค.นี้ นายองอาจ กล่าวว่า เพื่อเป็นการเปิดโปงระบอบทักษิณและความเลวร้ายว่า ขณะนี้สถานการณ์เกิดวิกฤตในปัญหาสำคัญเนื่องมาจากนายกฯ จุดยืนของพรรค รวมถึงจุดเปลี่ยนของพรรคประชาธิปัตย์จะเป็นอย่างไร

ทั้งนี้ พรรคยืนยันว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่จะไปพบปะกับประชาชน ยังจะคงเป็นไปตามกำหนดการเดิมทุกอย่าง และมีประชาชนสอบถามมามากถึงการปราศรัยดังกล่าวเนื่องจากทางกลุ่มพันธมิตรได้ประกาศยื่นคำขาดให้เวลานายกฯ 48 ชั่วโมงการลาออกซึ่งก็จะหมดเวลาตอนเที่ยงคืนวันที่ 23 มี.ค. จึงทำให้เกิดความวิตกถึงการเปลี่ยนแปลงการปราศรัยของพรรค จึงขอยืนยันว่าทุกอย่างยังคงตามเดิม