รัฐเตรียมคลอดพ.ร.ก.ศอ.บต.-ตร.คุมเข้ม 38 สถานฑูต

สนธิ ระบุ พร้อมเคอร์ฟิว 3 จังหวัดใต้ หากชาวบ้านยอมรับ ครม.เตรียมคลอดพ.ร.ก.ศอ.บต. เร่งให้ทันแก้ไฟใต้ ปลัด มท.ชี้สถานการณ์เหมาะสม ขณะที่ตำรวจคุ้มเข้ม 38 สถานฑูต

ก่อเหตุรุนแรงอย่างต่อเนื่องในช่วง 3-4 วัน ที่ผ่านมา ทำให้ ฒิฬพล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ออกมาระบุว่า พร้อมประกาศเคอร์ฟิวในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้

พล.อ.สนธิ กล่าวว่า

ฝากเรียนไปถึงประชาชนในประเทศ และในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า สถานการณ์ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ไม่ปกติ แล้วสถานการณ์การก่อการร้ายเป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในทั่วโลก ที่กำลังกระจายสถานการณ์ไปทั่ว ต้องเข้าใจยุทธวิธีของเขา ทุกวันนี้เขาทำเพื่อผลทางยุทธวิธี เพื่อทำให้เกิดความไม่มั่นคงภายในประเทศ และต้องการให้สถานการณ์ตรงนี้กระจายออกไปนอกประเทศ นี่คือความตั้งใจที่เขาพยายามทำ ทั้งนี้ รัฐบาล คมช. และ กอ.รมน. ก็มีหน้าที่ทำให้สถานการณ์น้อยลง

ดังนั้นเราจะต้องยอมรับสภาพในข้อเท็จจริง ทั้งในเมืองและชนบท เราจะต้องแยกกันทำ ในชนบทไปดูได้เลย ถ้าใครว่างๆ ก็จะพาไปนอนกับทหารว่า มีทหารคนไหนบ้างที่หยุดในแต่ละวัน ทหารไม่ได้หยุดเลยตั้งแต่เช้า กลางคืนก็ต้องเข้าไปซุ่มดูการเคลื่อนไหวของกลุ่มก่อความไม่สงบตามหมู่บ้านต่าง ๆ ที่อยู่ในเป้าหมายของกลุ่มก่อความไม่สงบ และปัญหาในเมือง ซึ่งผมได้เชิญผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้บัญชาการตำรวจและทหารมาพูดคุยกัน

สถานการณ์การก่อการร้ายในเมือง เอาเข้ามาจัดรูปแบบของการป้องกันเมืองของเราให้ดี แต่ปัญหาอยู่ที่ว่า เราทำอะไรที่มันจัดระเบียบมากเกินไปชาวบ้านจะอึดอัด และผู้บริหารก็อึดอัด ทำให้สภาวะเศรษฐกิจชะงักไปด้วย พล.อ.สนธิ กล่าว

เมื่อทั้งสองอย่างที่ทำจะชนกัน ถ้าใช้มาตรการควบคุมชาวบ้านมากเกินไประบบเศรษฐกิจในพื้นที่จะตกต่ำ ตอนนี้เพียงแต่บอกว่าให้ทุกคนมีส่วนร่วมเฝ้าระวังตามห้างร้านต่างๆ ให้ติดซีซีทีวี เผื่อว่าเกิดอะไรขึ้นก็แจ้งให้เจ้าหน้าที่รัฐทราบ ซึ่งการเฝ้าระวังตรงนี้ให้ กอ.รมน.ภาค 4 ชี้แจงชาวบ้านว่า การก่อการร้ายในขณะนี้เป็นรูปแบบใหม่ เมื่อรู้รูปแบบแล้วชาวบ้านก็ต้องช่วยกันเป็นหูเป็นตา ซึ่งตรงนี้สามารถเฝ้าระวังได้

เราไม่ได้เป็นฝ้ายตั้งรับ เราจะต้องแยกยุทธวิธีกับยุทธศาสตร์ เรากำหนดยุทธศาสตร์ของเราชัดเจน ตอนนี้เรากำลังรุกทางยุทธศาสตร์ เมื่อเรารุกทางยุทธศาสตร์ ทางฝ่ายโน้นก็จะแก้ด้วยการรุกทางยุทธวิธี ฉะนั้นเดือนหนึ่งเขาจะรุกทางยุทธวิธีได้ 1-2 ครั้ง เป็นธรรมดาที่จะต้องแก้ทางยุทธวิธี ก็จะต้องมีการพัฒนาไปตามห้วงเวลาและสถานการณ์"

เมื่อถามว่า เหตุการณ์ก่อการร้ายเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อไรจะมีการประกาศเคอร์ฟิวในพื้นที่

พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ถ้าเผื่อว่าการประกาศเคอร์ฟิวประชาชนยอมรับ ก็พร้อม ปัญหาคือประชาชนยอมรับหรือเปล่า

พล.อ.สนธิ กล่าวว่า "ไม่มีปัญหา เพราะเมื่อประกาศเคอร์ฟิวแล้ว และอธิบายแล้ว คนที่เห็นด้วยก็มี ไม่เห็นด้วยก็มี พอไม่เห็นด้วยปั๊บมันออกไปนอกประเทศมันก็เสียหายกลับมาสู่ประเทศเราโดยรวม"

นายพงศ์โพยม วาศภูติ ปลัดกระทรวงมหาดไทย
เดิมจะเสนอให้ ครม.พิจารณาให้ สนช.ผ่าน 3 วาระรวดใน พ.ร.บ.ดังกล่าว แต่เนื่องจากเป็นกฎหมายค่อนข้างยาว มีถึง 19 มาตรา การเสนอให้ผ่าน 3 วาระรวด ต้องใช้เวลามาก เพราะพิจารณาเรียงมาตรา อาจจะมีผู้ขอแก้ไขทำให้ค่อนข้างเสียเวลา

สภาไม่ใช่ตรายาง และสมาชิกทุกคนก็มีความคิดเป็นของตัวเอง ไม่ใช่รับฟังคำสั่งเพียงอย่างเดียว และถ้าจะให้มีการพิจารณาแบบวิธีปกติ ซึ่งเรื่องด่วนที่สุดน่าจะใช้เวลาอย่างน้อย 30 วัน อาจจะไม่ทันต่อสถานการณ์ จึงมีผู้เสนอว่า ทำไมรัฐบาลไม่ออกเป็น พ.ร.ก. ซึ่งการออกเป็น พ.ร.ก.ขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรีและ ครม.ตัดสินใจ ทั้งนี้ การจะออกเป็น พ.ร.ก.เป็นไปได้ทั้งนั้น แต่จริงๆ แล้วรัฐบาลสนับสนุนให้ผ่าน สนช.3 วาระรวด แต่ก็มีปัญหาดังกล่าว

แหล่งข่าวความมั่นคงในพื้นที่สามจังหวัดภาคใต้ เปิดเผยว่า เหตุการณ์ระเบิดหลายจุดในสามจังหวัดชายแดนเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา พบว่า คนร้ายใช้ระเบิดแสวงเครื่อง โดยใช้นาฬิกาดิจิทัล ยี่ห้อ คาวิโอ รุ่นเอฟ 200 จุดชนวนระเบิด ซึ่งเป็นรุ่นเดียวกับที่เจ้าหน้าที่เคยจับกุมได้ เมื่อปีที่ผ่านมา ซึ่งผู้ต้องหาให้สารภาพว่าซื้อมาจากตลาดสินค้าหนีภาษีในหาดใหญ่ ตอนนั้นเราก็ขอความร่วมมือไปยังท้องที่เพื่อแจ้งให้ผู้ค้าตรวจสอบการจำหน่ายสินค้าให้ลูกค้าที่มีพฤติกรรมน่าสงสัย

"ในทางเทคนิคก็ยังไม่สามารถวิเคราะห์ได้ว่า ทำไมคนร้ายเจาะจงใช้นาฬิกายี่ห้อนี้ รุ่นนี้ แต่จากการประเมินการใช้นาฬิกาจุดชนวนระเบิดมีความปลอดภัยและการเก็บกู้ก็ทำได้ยากกว่าการใช้โทรศัพท์มือถือจุดชนวน อีกทั้งยังสามารถตั้งเวลาได้นานข้ามปีเลย"

นอกจากการใช้นาฬิกาแบบดิจิทัลจุดชนวนระเบิดแล้ว คนร้ายได้พัฒนานำระบบรีโมทที่ใช้กับรถยนต์ เครื่องเล่น เช่น รถบังคับ เครื่องบินบังคับ มาดัดแปลงในการจุดชนวนระเบิด การนำรีโมทมาใช้จุดชนวนเพื่อเลี่ยงการตรวจสอบและการใช้ระบบการตัดสัญญาณ อุปกรณ์ในการจุดชนวนระเบิดของคนร้ายแต่ละรูปแบบมีเป้าหมายที่แตกต่างกัน

เป็นการวางระเบิดที่มุ่งทำลายทรัพย์สิน และความพร้อมเพรียงของเวลาเกิดเหตุ เพื่อแสดงศักยภาพว่า การทำงานของกลุ่มคนร้ายยังมีประสิทธิภาพ สามารถก่อเหตุได้พร้อมกันหลายๆ จุด ซึ่งความเป็นจริง การวางระเบิดแบบนี้ 1 คน อาจจะวางได้หลายจุด สำหรับการจุดชนวนระเบิดด้วยรีโมทรถยนต์ หรือรถบังคับวิทยุ เป็นการปฏิบัติการที่หวังผลความสูญเสียชีวิต เนื่องจากรัศมีของการจุดชนวนยังอยู่ในสายตา

เชื่อว่านาฬิกาดิจิทัล ที่ใช้จุดชนวนระเบิดในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่ได้มาจากหาดใหญ่แน่นอน เนื่องจากตำรวจและผู้ประกอบการมีการประชุมร่วมกันตลอดเวลา

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์คมชัดลึก