วันที่ 29 พฤศจิกายน นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย
กล่าวปฏิเสธกรณีข่าวที่ระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โฟนอินเข้ามาในที่ประชุม ส.ส.พรรคเพื่อไทย ตำหนิการทำงานของประธานสภาทั้งสามคน และการทำหน้าที่ของ ส.ส.หญิง ที่ไม่ช่วยปกป้องนายกรัฐมนตรีว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้ตำหนิการทำหน้าที่ของประธานและ สส.หญิง เพียงแต่โทรมาให้กำลังใจ สส. ในการปฏิบัติหน้าที่ในช่วงที่มีการอภิปราย และการลงมติไว้วางใจที่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ไม่อยากให้พรรคประชาธิปัตย์ นำไปขยายผลทางกรเมือง โจมตี นายกฯ และ พ.ต.ท.ทักษิณ
นายพร้อมพงศ์ กล่าวต่อว่า การอภิปรายที่ผ่านมาฝ่ายค้าน จินตนาการไปเอง แล้วเอามากล่าวหาพ.ต.ท.ทักษิณ
และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งตรงข้ามกับข้อเท็จจริงทั้งสิ้น ทางฝ่ายค้านคงเห็นแล้วว่าเสียงโหวตให้นายกฯ และรัฐมนตรี ท่วมท้น แม้แต่พรรคร่วมฝ่ายค้านก็ยังโหวตให้กับนายกฯ เหมือนกับการตบหน้าการทำหน้าที่ของพรรคประชาธิปัตย์ ดังนั้นพรรคประชาธิปัตย์ควรนำผลการอภิปรายที่ผ่านมาไปตรวจสอบตัวเองจะดีกว่าว่าทำไมไม่ชนะใจพรรคร่วมฝ่ายค้านด้วยกัน แม้แต่สวนดุสิตโพลล์ ก็ยังบอกว่าประชาชนเชื่อมั่นรัฐบาล 24เปอร์เซ็นต์ แต่เชื่อมั่นพรรคฝ่ายค้าน 15 เปอร์เซ็นต์ อยากให้พรรคประชาธิปัตย์ทบทวนบทบาทตัวเอง ไม่ใช่ใช้แต่วาทกรรมโวหารกล่าวหาคนอื่นให้เสียหาย แต่ควรหาหลักฐานข้อมูลจะได้ชนะใจฝ่ายค้านด้วยกันด้วย อยากให้พรรคประชาธิปัตย์ใช้การถูกลอยแพเป็นกระจกเงาสำรวจการทำงานของตัวเองเพราะหากรัฐบาลเข้มแข็งแล้วพรรคประชาธิปัตย์ที่เป็นฝ่ายค้านเข้มแข็งเช่นสมัยนายชวน หลีกภัยเป็นหัวหน้าพรรค ประโยชน์ก็จะตกกับประชาชน แต่หากยังด่าเอามัน ไม่สนใจข้อเท็จจริงก็จะมีแต่ตกต่ำ จนเลือกตั้งครั้งหน้าอาจจะกลายเป็นพรรคต่ำร้อยก็ได้
"อยากให้อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นำผลการอภิปรายครั้งนี้ไปพิจารณาตัวเองด้วยการลาออกจากหัวหน้าพรรคและหันไปสู้คดีที่ถูกกล่าวหาจะดีกว่า หรือจะให้คนรุ่นใหม่ แต่มีประสบการณ์อย่างนายจุรินทร์ ลักษณะวิศิษฏ์ ที่ทั้งกล่าวเปิดและสรุปปิดอภิปราย หรือคนรุ่นใหญ่อย่างนายชวนกลับมาเป็นหัวหน้าพรรคอีกครั้งจะเหมาะสมกว่า"นายพร้อมพงศ์กล่าว