ปฏิวัติเงียบ จิ๋วหารือป๋าเปรมรับอาสาเคลียร์ทักษิณ
http://www.darknews.net/2006/03/21/newsp1_530.php
ในภาวการณ์ที่บ้านเมืองยังคงอึมครึมจนแทบไร้ทางออก แม้ทุกฝ่ายจะพยายามเข้ามาคลี่คลายปัญหา
แต่ดูเหมือนยิ่งมากความก็ยิ่งวุ่นวาย เหตุเพราะอัตตาของแต่ละฝ่ายที่ไม่ยอมลดละ นำมาสู่การเผชิญหน้าในวันนี้
พันธมิตรกู้ชาติรุกคืบตีโอบล้อมทำเนียบ ท่ามกลางแนวร่วมที่ยังคงเหนียวแน่นและดูจะเข้มแข็งขึ้นจากคนหลากหลายสาขาอาชีพ
ด้านกลุ่มหนุนทักษิณ ซึ่งจัดตั้งมาจากพี่น้องเกษตรกรต่างจังหวัด ก็ยังคงปักหลักอย่างเหนียวแน่นบริเวณสวนจตุจักร
ขณะที่นายกฯ ทักษิณ กลายเป็น ผู้นำพลัดถิ่น อย่างโดดเดี่ยว มีเพียงขันทีต่ำชั้น 2-3 คน คอยชี้แนะวิ่งวน ปากกล้าขาสั่น อยู่รอบสนาม
ร่ายมนต์ดำทำไสยศาสตร์เขมร ขี่ช้างปัดรังควานเอาใจนาย หลับหูหลับตาสะเดาะเคราะห์ต่ออายุให้ผู้นำประเทศ
ภาพออกมาเห็นแล้วสังเวชใจ ทีผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองตะโกนจนคอแทบฉีกให้ลดทิฐิหันหน้าเข้าหากัน เพื่อคลี่คลายปัญหา
แต่ดูเหมือนท่านผู้นำกลับทำเฉยเมย ปากก็บอกว่าถอยมาหลายก้าว ทั้งที่ความจริงไม่เพียงแค่ยืนหยัดแต่ยังเปิดเกมรุกท้าทายอีกหลายระลอก
มุ่งหวังแต่เพียงการเลือกตั้ง 2 เมษายนเกิดขึ้นให้ได้ เพื่อสร้างความชอบธรรมให้ตัวเอง มิคำนึงถึงรูปแบบวิธีการ
หวนให้นึกถึงช่วงปลายสมัยของพ่อใหญ่จิ๋ว พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ที่ถูกวิกฤติเศรษฐกิจกระหน่ำภายหลังลดค่าเงินบาท
ทำเอาพี่หลุยส์ต้องกระเตงช้างน้อยสีชมพู ตระเวนทำบุญสะเดาะเคราะห์ 7 วัด 9 วัด ทั่วเมือง
เพื่อนฝูงที่เคยร่วมรัฐบาลและพรรคความหวังใหม่เริ่มทำตัวออกห่าง และตีจากไปทีละคนสองคนก่อนรัฐบาลบิ๊กจิ๋วจะตัดสินใจลาออก
นับเป็นการล่มสลายภายใต้สถานการณ์การเมืองที่ไม่ปกติ ด้วยการชุมนุมขับไล่จากประชาชนคนเมืองที่เรียกว่าม็อบชนชั้นกลางราวปลายปี 2540
ดังนั้นภาพการขับเคลื่อนอีกครั้งบนถนนสีลมของกลุ่มนักธุรกิจเอสเอ็มแอล ภายใต้ชื่อ ชมรมนักธุรกิจเพื่อประชาธิปไตยในปี 2549 นี้
จึงเป็นที่เล่าขานว่าจะเป็นสัญญาณถึงกาลล่มสลายของรัฐบาลทักษิณหรือไม่ ก็คงต้องดูกันต่อไป...?
แต่ที่แน่ๆ การปรากฏตัวของพี่จิ๋ว พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ที่สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม เมืองทองธานี เมื่อวานนี้ ดูน่าสนใจยิ่ง
เนื่องเพราะตลอดสถานการณ์ความวุ่นวายตั้งแต่ก่อเกิดม็อบกู้ชาติที่ผ่านมา พ่อใหญ่จิ๋วไม่เคยเผยกายให้เห็นแม้แต่ครั้งเดียว
ขนาดได้รับแต่งตั้งให้กลับมาเป็นประธานแก้ไขปัญหาความยากจนของรัฐบาล ก็แทบไม่ปรากฏข่าวของพ่อใหญ่จิ๋วเลย
"ทนๆ สักหน่อย อีกไม่นานเกินรอ ทุกอย่างคงจะเรียบร้อย อย่าไปเครียดอะไรมาก"
เจ้าของฉายาขงเบ้งแห่งกองทัพคนนี้ ออกมาฟันธงถึงความร้อนแรงทางการเมืองที่เจ้าตัวมองว่ามีพัฒนาการก้าวหน้าไปมาก
"ตราบใดที่การพัฒนานั้นไม่ก่อให้เกิดความเสียหาย ไม่สร้างความรุนแรง ไม่มีผลกระทบต่อบ้านเมืองในระยะยาว ก็จะนำไปสู่ความเจริญก้าวหน้าทั้งสิ้น"
นับเป็นการส่งสัญญาณที่ดีจากคนระดับอดีตนายกรัฐมนตรี ที่มีความใกล้ชิดและเป็นที่เคารพนับถือของรุ่นน้องในกองทัพผู้นี้
แถมยังเป็นคนใกล้ชิดและได้รับความไว้วางใจจาก พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษอีกด้วย...!!!
ท่ามกลางความสัมพันธ์อันไม่ปกติของพี่น้องในกองทัพ ที่มีการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายแบ่งขั้นการดูแลของ ตท.6 และ ตท.10 (รุ่นเดียวกับนายกรัฐมนตรี)
จนข่าวลือการรัฐประหาร ปฏิวัติซ้อน สะพัดไปทั่ววงการ ทำเอากองทัพถูกมองในลักษณ์ ถอยหลังเข้าคลอง..?
ต้องยอมรับว่าพฤติกรรมของ เด็กดื้อ ทำเอาผู้หลักผู้ใหญ่เดือดร้อนหนำซ้ำยังถูกถอนหงอก จนเหนื่อยใจในการพร่ำสอน ประตูบ้านสี่เสาเทเวศร์จึงถูกเปิดอย่างเงียบๆ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ให้ผู้ใหญ่ที่นับถือสองคนได้พบปะสนทนากัน
ผู้มาเยือนมีความตั้งใจที่จะมาเยี่ยมเยียนแสดงความเป็นห่วงกับเหตุการณ์ระเบิดอย่างอุกอาจหน้าบ้านสี่เสาฯ
หัวข้อสำคัญก็คงไม่หนีเรื่องสถานการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองระหว่างนี้ ที่คนในชาติแตกความสามัคคีแบ่งเป็นฝักฝ่าย
เจ้าของบ้านได้ฝากให้อดีตผู้ใต้บังคับบัญชาที่คบหากันมายาวนาน เข้าไปเป็นคนกลางในการเจรจาคลี่คลายวิกฤติที่จะเกิดขึ้น
ในฐานะที่พี่จิ๋วเองก็มีความคุ้นเคยหนิดหนมกับน้องทักษิณ และยังเคยเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีมาก่อน น่าจะพูดจาชี้แนะทางออกให้ผู้นำรุ่นน้องได้
ในการสนทนาครั้งนี้ ผู้ใหญ่ทั้งสองคนเห็นพ้องต้องกันว่า การจะใช้ไม้แข็งตีสั่งสอนน้องให้หลาบจำในภาวะที่ถูกกดดัน
คงเป็นวิธีการที่ผิดพลาด...
อารมณ์โมโหชั่ววูบเช่นนี้ คงต้องใช้น้ำเย็นเข้าลูบ...
นับแต่นี้ไปคงต้องจับตาดูบทบาทของพี่จิ๋วหวานเจี๊ยบที่จะมาสอนน้องทักษิณ
เป็นการร่วมผ่าทางตันในวิกฤติของชาติที่อาจจะไม่นานเกินรอดังที่ขงเบ้งแห่งกองทัพผู้นี้ทำนายไว้
เผลอๆ ช่วงปลายสัปดาห์นี้...อาจมีอะไรดีๆ ให้เห็นก็เป็นได้...!!!
นักข่าวเฉพาะกิจบ้านสี่เสาฯ