หลังจาก "นายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" เรียกประชุมคณะรัฐมนตรีชุดเล็ก 9 คน ก็มีมติประกาศใช้ "พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรพ.ศ.2551 หรือ พ.ร.บ.ความมั่นคง" เป็นเวลา 9 วัน ตั้งแต่วันที่ 22-30 พ.ย.นี
โดยครอบคลุมพื้นที่ 3 เขต คือ พระนคร ป้อมปราบศัตรูพ่าย และดุสิต เพื่อดำเนินการกับกลุ่มผู้ชุมนุมของ "กลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม" ที่มี "เสธ.อ้าย" พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ในฐานะผู้อำนวยการขับเคลื่อนไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ร่วมกับอีกกว่า 30 องค์กร โดยครอบคลุมพื้นที่ 3 เขต คือ พระนคร ป้อมปราบศัตรูพ่าย และดุสิต เพื่อดำเนินการกับกลุ่มผู้ชุมนุมของ "กลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม" ที่มี "เสธ.อ้าย" พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ในฐานะผู้อำนวยการขับเคลื่อนไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ร่วมกับอีกกว่า 30 องค์กร
พ.ร.บ.ฉบับนี้ ยังคุ้มครองไปถึงผู้ปฏิบัติที่ขึ้นตรงกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ทั้งหมดอีกด้วย ข้อแตกต่างอีกประการหนึ่งระหว่างกฎหมายที่ใช้อยู่ตามปกติกับพ.ร.บ.การรักษาความมั่นคง ก็คือ หากใช้กฎหมายปกติในการดูแลสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในขณะนี้ ทางตำรวจเห็นว่าจะไม่ครอบคลุมทั้งหมดจึงต้องการให้ออก พ.ร.บ.ความมั่นคง
เพราะกฎหมายปกติเอาผิดได้แค่ พ.ร.บ.การจราจร หรือ พ.ร.บ.เกี่ยวกับการใช้รถยนต์ในพื้นที่ทางบกเท่านั้น แต่หากเป็น พ.ร.บ.ความมั่นคง จะสามารถเอากฎหมายอื่นๆ ที่มีอยู่ในปัจจุบันมาควบคุมได้ทั้งหมดรวมถึง พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ หรือการใช้เครื่องขยายเสียงก็สามารถดำเนินการได้ นอกจากนี้ยังสามารถดำเนินการเอาผิดเกี่ยวกับปัญหายาเสพติด แรงงานต่างด้าวที่มาร่วมชุมนุมได้อีกด้วย
สำหรับขั้นตอนหลังจากมีประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง ก็จะมีการออกข้อกำหนดซึ่งออกตามมาตรา 18 ของ พ.ร.บ.ความมั่นคง เพื่อประโยชน์ในการป้องกัน ปราบปราม ระงับ ยับยั้ง และแก้ไขหรือบรรเทาเหตุการณ์ภายในพื้นที่ ให้ผู้อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย โดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี