“สุเทพ” ท้า “เหลิม” พูดให้ชัดใครขนคนเติม ม็อบ “เสธ.อ้าย” ยันปชป.ไม่มีนิสัยน่ารังเกียจ
ที่รัฐสภา นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่าพรรคการเมืองใหญ่ ขนคนมาเติมม็อบกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม เพื่อล้มรัฐบาล ว่า ร.ต.อ.เฉลิม ไม่ใช่คนที่น่าเชื่อถือ พูดจาเลอะเทอะ อย่าไปใส่ใจอะไร เพราะพูดประจบสอพลอผู้มีอำนาจ แต่ตนอยากให้ร.ต.อ.เฉลิม พูดให้ชัดว่า จะใส่ร้ายใคร และเป็นพรรคการเมืองไหน ตนจะได้ดำเนินคดีได้ถูก ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ ยืนยันว่า ยึดมั่นกติกาทางการเมืองว่า รัฐบาลมีวาระในการดำรงตำแหน่ง และจะไม่กระทำการที่น่ารังเกียจ เกเร เหมือนกับที่พรรคเพื่อไทยเคยทำในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่มุ่งล้มล้างรัฐบาล
ส่วนที่ ผบ.ตร.ระบุว่า มีการลงถัง 6พันล้านบาท เพื่อล้มรัฐบาลนั้น ถ้าหากใครจะล้มล้างรัฐบาล ใครทำผิดกฎหมายก็ขอให้ดำเนินคดี ไม่ใช่เที่ยวคุยโวโอ้อวด รัฐบาลเป็นผู้รักษากฎหมาย ก็สามารถดำเนินการตามกฎหมายได้ ส่วนที่รัฐบาลจะใช้พ.ร.บ.ความมั่นคง ดูแลม็อบนั้น คงตอบแทนไม่ได้ เพราะสำนึกของตนกับรัฐบาลชุดนี้ต่างกัน
“สิ่งที่รัฐบาลตัดสินใจทำดูไม่ค่อยฉลาดถ้ารัฐบาลพูดจาให้ประชาชนเข้าใจว่า ไม่ต้องเดินขบวนหรือขับไล่ อะไรที่ไม่ถูกต้องรัฐบาลจะไม่ทำ จะไม่ท้าทายอำนาจประชาชน ไม่ทำให้เกิดความแตกแยก ไม่ให้ใครล่วงละเมิดสถาบัน หากออกมาแถลงให้ชัดเจนประกาศสลายหมู่บ้านแดง นปช.จะลดดีกรีความร้อนแรงลง แต่นี่กลับทำตรงกันข้าม พอเห็นเขาจะชุมนุมก็ไปเกณฑ์คนมาสู้
อย่างนี้ถือว่า รัฐบาลเพี้ยนไปแล้ว รัฐบาลมีหน้าที่ดูแลให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย ไม่ใช่ไปเติมไฟ ขยายความร้อนแรงให้มากขึ้น”นายสุเทพ กล่าวเมื่อถามว่า มองอย่างไรที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ขอข้อมูลย้อนหลัง 6ปีเกี่ยวกับเงินบริจาค เข้าพรรคประชาธิปัตย์ นายสุเทพ กล่าวว่า ถ้าตนเป็นกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ จะไม่ให้ดีเอสไอ ทำงานเกินอำนาจหน้าที่ อยู่ดีๆ จะมาบังคับให้ส่งเอกสารให้ จะต้องแจ้งให้ชัดว่า เอาไปทำอะไร ตอนนี้ดีเอสไอ ทำตัวเป็นเครื่องมือของนักการเมือง ซึ่งน่าละอาย เป็นตนคงไม่ให้เอกสาร ที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์ได้ทำรายงานกิจกรรมต่อกกต.ทุกปี โดยพรรคการเมืองไม่มีหน้าที่ต้องส่งรายงานให้กับดีเอสไอ ยกเว้นดีเอสไอ ตั้งใจตั้งข้อหากับพรรคประชาธิปัตย์ ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ขอให้มาเลย อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาดีเอสไอ ได้เรียกส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ไปให้ปากคำในคดีต่างๆ ซึ่งก็ไม่เป็นอะไร ไม่ตาย แต่เป็นเรื่องที่ต้องไปให้ข้อมูล สำหรับตนก็ถูกเรียกสอบเรื่องการสลายการชุมนุม ปี 52-53 ตนก็พร้อมให้ความร่วมมือ แม้จะมีเจตนาซ่อนเร้นในการเล่นงานตน